จีอาร์ดี แคททาลิสต์ จับมือ วีระสุวรรณ ก่อตั้ง Thailand Catalyst Consortium เพื่อสร้างอุตสาหกรรม เทคโนโลยี

จีอาร์ดี แคททาลิสต์ จับมือ วีระสุวรรณ ก่อตั้ง Thailand Catalyst Consortium เพื่อสร้างอุตสาหกรรม เทคโนโลยี





Image
ad1

จีอาร์ดี แคททาลิสต์ จับมือ วีระสุวรรณ ก่อตั้ง Thailand Catalyst Consortium เพื่อสร้างอุตสาหกรรม เทคโนโลยีและการผลิตตัวเร่งปฏิกิริยาและตัวดูดซับของประเทศไทย ลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ
 
เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 ที่สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ บริษัท จีอาร์ดี แคททาลิสต์ จำกัด (GRD Catalyst Co., Ltd.) และบริษัท วีระสุวรรณ จำกัด (Verasuwan Co., Ltd.) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง Thailand Catalyst Consortium การค้าร่วมตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีประเทศไทย

โดยภายใต้วัตถุประสงค์ของความร่วมมือนี้ดังกล่าว ทั้งสองบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการภาคอุตสาหกรรมในการใช้งานตัวเร่งปฎิกิริยาเคมีและตัวดูดซับ (Catalyst and Adsorbent) โดยไม่ได้เฉพาะเจาะจงในอุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี แต่ยังตอบสนองความต้องการไปถึงอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมด้านเภสัชกรรม และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีความต้องการการใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีและตัวดูดซับดังกล่าว โดยทั้งสองบริษัทใช้องค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์การผลิตในระดับอุตสาหกรรม (Commercialized Scale) ในการผลิตตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีและตัวดูดซับที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตหรือดูดซับผลิตภัณฑ์เป้าหมาย (Target Product) ที่ดำเนินการภายใต้กระบวนการทางเคมีให้เพิ่มขึ้น เพื่อลดการใช้พลังงานระหว่างกระบวนการผลิต

ดร. ก้องเกียรติ สุริเย CEO บริษัท จีอาร์ดี แคททาลิสต์ จำกัด กล่าวภายหลังการลงนามร่วมว่า“ทั้งสองบริษัทมุ่งหวังที่จะผลิตตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีและตัวดูดซับที่มีปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระหว่างกระบวนการผลิตที่ต่ำ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่จะใช้การจัดตั้งกิจการค้าร่วมดังกล่าวนี้ในการพยายามลดการนำเข้าตัวเร่งปฏิกิริยาและตัวดูดซับจากต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันตลาดตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีและตัวดูดซับในประเทศไทยมีการนำเข้าจากต่างประเทศมากกว่าแสนล้านบาทต่อปี ทั้งนี้การค้าร่วมนี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีตัวเร่งปฏิกิริยาและตัวดูดซับของประเทศไทย

ด้าน ดร.สัญญา บุญญาสุวัฒน์ CEO บริษัท วีระสุวรรณ จำกัด กล่าวเสริมว่า การลงนามใน MOU นี้เป็นการกระตุ้นให้องค์กรการศึกษา สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัยภายในประเทศมีการพัฒนางานวิจัยด้านตัวเร่งปฎิกิริยาเคมีและตัวดูดซับเคมีอย่างจริงจัง เพื่อนำมาประยุกต์ใช้งานจริงและตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในเมืองไทย

ทางด้าน ดร.แสวง บุญญาสุวัฒน์ คณะกรรมการบริหาร วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในสักขีพยาน กล่าวว่า ยินดีกับการก่อตั้งกิจการค้าร่วมครั้งนี้ ถือเป็นการนำองค์ความรู้ และเทคโนโลยีในเชิงอุตสาหกรรมที่มีอยู่มาใช้ในการเปลี่ยนทรัพยากรในประเทศให้มีมูลค่าสูงขึ้น เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมเคมีในประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการร่วมลงนามข้อตกลงดังกล่าวได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ศิริพร จงผาติวุฒิ และ ผศ.ดร.อุทัยพร สุริยประภาดิลก อาจารย์ประจำวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย ศ.ดร.ตะวัน สุขน้อย และ รศ.ดร. กิตติศักดิ์ ชูจันทร์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมเป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์ในงานนี้ด้วย