ตำรวจรวบแล้วหนุมทาสยาดักชิงทรัพย์จนสาวร้องขอชีวิตกลางป่า


อุทัยธานี-ตำรวจรวบหนุ่มชิงทรัพย์ จนสาวร้องขอชีวิตกลางป่า หลังสาวเตือนภัย ร้องขอชีวิตถูกทำ ร้ายเอาทรัพย์สิน ก่อนยกมือไหว้ไม่เหลืออะไรแล้ว ยื่นเงินให้ 200 บาท ก่อนชายแปลกหน้าคืนมือถือให้แล้วชิ่งจยย.หลบหนี ผู้ใหญ่บ้านพื้นที่ลั่นยาเสพติดในหมู่บ้านเยอะ หวั่นทำให้ถึงขั้นก่อเหตุชิงทรัพย์ในหมู่บ้าน
เมื่อช่วงเช้า ของวันที่ 20 ก.ย.2567พ.ต.อ.อังคาร อุทัยพันธุ์ ผกก สภ.บ้านไร่ พ.ต.ท.บุญเยี่ยม โพธิ์ศรี รอง ผกก.สส.สภ.บ้านไร่ พร้อม พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ นารถพินิจ สว.สส.สภ.บ้านไร่ พร้อมชุดสืบสวน สภ.บ้านไร่ ได้เข้าจับกุม นายธงไชย โตผา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/1 ม.1 ต.ห้วยแห้ง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุทัยธานี ที่ จ.227/2567 ต้องหาว่า ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย แก่กาย โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ได้นำตัวส่งสภ.บ้านไร่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เร่งไล่ล่าหาตัวผู้ก่อเหตุ ตามเส้นทางบวกกับกล้องวงจรปิด ได้เห็นชายผู้ต้องสงสัยคล้ายกับในรูปที่ผู้เสียหายได้แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยสวมเสื้อใส่การเกษตรขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน 1 กช อุทัยธานี 113 ล่าสุดเจ้าหน้าที่จึงได้เบาะแสที่บ้านหลังดังกล่าวจึงได้เข้าจับกุมตามหมายศาลดังกล่าว
จากกรณีเมื่อเวลา 15.00.น.ของวันที่ 16 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวทางเฟสบุ๊ครายหนึ่ง ได้โพสต์เตือนภัยสาธารณะ ซึ่งมียอดแชร์ 240 กว่าแชร์ มีใจความว่า จากเหตุการณ์ที่ให้เราเกือบเอาชีวิตไม่รอด พร้อมเนื้อหาบรรยาย รูปคนร้ายในเฟสบุ๊ค ที่ถ่ายภาพข้างหลังไว้ได้
โดยระบุใจความว่า ที่ถนนบ้านไร่-หนองตม-ป่าอู ปกติวันจันทร์-วันศุกร์เราจะมีลูกน้อยวัย4 ขวบติดรถมาด้วยเพราะต้องรับจากโรงเรียนและกลับบ้านพร้อมกันเป็นแบบนี้ทุกวัน แต่วันนี้เป็นวันเสาร์ลูกไม่ได้มาด้วย ในขณะที่ขับกลับบ้านตามเส้นทางเราพยายามดูกระจกมองข้างตลอดว่ามีใครขับรถตามมามั้ย และไม่ได้ใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถเพราะรู้ว่าทางมันค่อนข้างเปลี่ยวมาแต่ป่าอ้อย ป่ามันและแปลงข้าวโพดซึ่งตลอดทั้งทางมั่นใจได้เลยว่าไม่มีคนขับรถตามมา จนเลี้ยวเข้าทางคอนกรีต ซึ่งอีกประมาณ 3 กก. จะถึงบ้านตาและแม่กับลูกรออยู่ที่นั้น แต่ด้วยดวงชะตาหรืออะไรมั้ยรู้ เลี้ยวเข้ามาได้ประมาณ 100 เมตร มองกระจกหลังคือเห็นมีรถมอไซต์ตามมา 1 คัน ด้วยความที่บ้านไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ เราเลยขับรถต่อมาเรื่อยๆ จนมั่นใจว่าน่าจะอันตรายจะวนรถกลับก็ได้เลยตัดสินใจจะขับหนี แต่ก็ไม่ทัน
จนมาถึงที่เกิดเหตุการณ์และมั่นใจว่าโดนแน่ๆ แล้ว เหตุการณ์เกิดขึ้นแบบชุนละมุน มันขับรถมาตีคู่แล้วพยายามกระชากเสื้อเรา เราพยายามคว้าโทรศัพท์มาโทรหาที่บ้านพร้อมกระโดดลงจากรถมอไซต์แต่ก็วิ่งหนีไม่ทัน จากนั้นมันคว้าโทรศัพท์ออกจากมือเราไป พร้อมเอามือปิดปากและพยายามดึงสายบัตรพนักงานและพยายามต่อยท้อง ซึ่งต่อสู้กันได้ประมาณ 5-8 นาที จนเราหมดแรงเพราะมันพยายามเอามือปิดปากและบอกเราว่า ”อย่าร้อง ห้ามร้อง” เราหายใจไม่ออกจนตัวเราอ่อนกองลงไปอยู่ที่พื้น ยอมรับว่าวินาทีนั้นเราสิ้นหวังมากหน้าแม่หน้าลูกลอยมาทุกวินาที ถ้าไม่มีเราเค้าจะอยู่กันยังไง
สรุปคือต้องตั้งสติรวบรวมสติที่มีทั้งหมด ฮึ๊บสู้โดยใช้คำพูด ขอร้องและยกมือไหว้ พี่ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวจริง หนูต้องการอะไรเราคุยกันดีๆ ได้มั้ยพี่เจ็บไปหมดแล้ว หน้าพี่ถลอก เนื้อตัวก็เจ็บไปหมดพอเเล้วนะ อย่าทำอะไรเลยพี่มีแม่มีลูกต้องดู พี่เป็นหัวหน้าครอบครัวพี่ขอร้องอย่าทำพี่นะ สรุปคือมันนิ่งและบอกความต้องการคือ ผมต้องการเงิน ผมไม่มีเงิน เราถามว่าไม่มีเงินแล้วทำไมถึงมาทำแบบนี้ มาทำร้ายพี่ทำไม ผมไม่ได้ตั้งใจผมขอโทษ พร้อมยกมือไหว้เรา ผมพยามยามหางานทำแล้วแต่ไม่มีใครรับผมเข้าทำงาน พี่เจ็บเยอะมั้ยผมขอโทษ ยกมือไหว้เราอีกครั้ง เราพอมีสติ พยายามประครองตัวลุกขึ้นพร้อมถามมันไปว่า หนูจะให้เงินใช้มั้ย งั้นพี่ขอโทรศัพท์พี่คืนได้มั้ยพี่ต้องทำงานแล้วพี่จะโทรขอเงินแม่มาให้หนูจะเอาเท่าไร่ มันยื่นโทรศัพท์คืนให้เรา พร้อมเดินหันหลังกลับไปที่รถ เราได้โทรศัพท์คืนพยายาม
ติดต่อที่บ้านแต่ก็ไม่มีคนรับสาย เราใช้วินาที ที่มันหันหลังเราแอบถ่ายรูปมันมาไว้ด้วย ด้วยความที่กลัวแต่ต้องคุมสติเราเลยควักเงินที่มีให้กับมันไปตอนเดินมาถึงรถ มันช่วยเรายกมอไซต์ขึ้น และเอาเสื้อปิดแผ่นป้ายทะเบียน เรายื่นเงินให้มันไป มันยกมือไหว้ขอบคุณเรา และขึ้นมอไซต์และบิดออกไปจากทางที่ขับเข้ามา เราเห็นว่ามันไปแล้วเราโทรหาเพื่อนคาสายไว้เพราะกลัวมันจะวนกลับมาและรีบกระโดดขึ้นมอไซต์เพื่อให้ถึงบ้านได้ไวที่สุด โดยที่ไม่สนใจอะไรเลย
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านป่าอูสามัคคี หมู่ 7 ตำบลทัพหลวง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เพื่อไปหาเจ้าตัวที่ถูกกระทำ ชื่อนางสาวเอ (นามสมมุติ) ระหว่างนั้นได้ไปพูดคุยกับนายไพทูล จันทร อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่หมู่ 7 บ้านป่าอูสามัคคี ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้พาไปชี้จุดยังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นถนนคอนกรีต ติดกับไร่ป่าชายเขา ที่นางสาวเอ ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกาย หวังเอาทรัพย์สิน พร้อมกับเปิดเผยว่าขนาดนี้ นางสาวเอ ได้ไปแจ้งความไว้เป็นที่เรียบร้อย คาดว่า คนร้าย หน้าจะเป็นคนในพื้นที่ ที่รู้จักทางเข้าออกหมู่บ้านเป็นอย่างดี และใช้จังหวะก่อเหตุ เนื่องจากในพื้นที่ของตนเองนี้มียาเสพติดเยอะและราคาถูก เสพติดกันระบาดเยอะ ถึงการจี้การปล้น ถึงขั้นบีบคอผู้เฒ่าผู้แก่ก็มีมาแล้ว เพื่อมาซื้อยาบ้าเสพ
แต่ก่อนไม่เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ก็อยากจะวอนให้เจ้าหน้าที่ช่วยออกตรวจเข้ม ออกตรวจไปพร้อมกับผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เนื่องจากทนพฤติกรรมของยาเสพติดไม่ไหว จึงทำให้พวกเสพยา สามารถมาก่อเหตุชิงทรัพย์เพื่อนำเงินไปซื้อยาเสพติด ทั้งนี้ได้สอบถามกับชาวบ้านรายหนึ่งชื่อป้าเตี้ย ซึ่งเป็นน้าของนางสาวเอ (นามสมมุติ) ที่นั่งอยู่ละแวกนั้น ได้เล่าวินาทีที่หลานสาวมาบอกวันเกิดเหตุ ว่าได้ต่อสู้กับผู้ร้าย จนหลานสาวต่อสู้ไม่ไหว จนได้อ้อนวอนขอให้ผู้ร้าย ว่าอย่าทำอะไรเลย อยากได้อะไรก็เอาไป หลังจากนั้นหลานสาวก็ให้เงิน 200 บาท ให้ผู้ร้ายไป ผู้ร้ายก็เอาโทรศัพท์มือถือที่แย่งหลานไปก่อนหน้านี้คืนให้ แล้วก็ใช้ผ้าคุมทะเบียนรถจยย.ผู้ร้าย ขับรถหนีหายไปเลย เวลานี้ชาวบ้านหวาดระแวงอยู่กันอย่างหวาดกลัวกันอย่างมาก บางบ้านก็มีผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงลำพัง หวั่นได้รับอันตราย ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสภ.บ้านไร่ ได้ไปพบกับแม่ของนางสาวเอ (นามสมมุติ)ชื่อนางวัญเพ็ญ อายุ 54 ปี ว่าขณะนี้ลูกสาวได้สอบปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่นาน ยังไม่สามารถ มาให้สัมภาษณ์ได้ โดยแม่ได้เปิดเผยว่า ระหว่างวันเกิดเหตุ ลูกสาวได้พยายามโทรมาหาทางบ้านและผู้นำชุมชนแต่ไม่มีใครรับสาย ระหว่างที่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย กระทั่งล่าสุดลูกสาวกลับมาบ้านได้ ได้มาเล่าทั้งน้ำตา พร้อมมีสีหน้าตกใจกลัวมาก ว่าถูกคนร้ายขับจยย.ตามมาดักทำร้าย จนร่างกายมีรอยบอบช้ำ จึงได้เดินทางมาแจ้งความไว้ที่สภ.บ้านไร่ ตอนนี้ลูกสาวได้สอบปากคำอยู่นาน ยังไม่สะดวกมาให้สัมภาษณ์