"เสี่ยหนู" ปราศรัย กทม. ฝากตัวพี่น้องประชาชน บอกไม่เคยปราศรัยเมืองกรุง ต้องเขียนโพยมือสั่นหมด

ภูมใจไทยลุยกทม.

"เสี่ยหนู" ปราศรัย กทม. ฝากตัวพี่น้องประชาชน  บอกไม่เคยปราศรัยเมืองกรุง ต้องเขียนโพยมือสั่นหมด





ad1

29 ม.ค. 2566   ที่เขตพญาไทย ใต้ทางด่วนชุมชนวัดมะกอกส่วนหน้า  กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อดีต ส.ส. กทม. ร่วมลงพื้นที่เปิดปราศรัยย่อย ของ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ อดีต ส.ส.กทม. โดยมีประชาชนมาร่วมฟังกว่า 500 คน

โดยมีหัวหน้าทีม กทม.คือ นายพุทธิพงษ์ ซึ่งได้ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขอยืนยันนโยบายพรรคภูมิใจไทย ไม่มีการขายฝัน อย่างพรรคภูมิใจไทย บอก “พูดแล้วทำ” ซึ่งตอนแรกตนก็ไม่เชื่อ เพราะพูดง่าย ทำยาก แต่เมื่อตรองดูโดยเฉพาะในต่างจังหวัด มีคนพูดถึงพรรคภูมิใจไทยว่า “ใช้ได้” เขาทำตามที่รับปากไว้ตอนหาเสียง อีกทั้ง ส.ส.ก็มีเอกภาพ ตนถามว่ามีพรรคการเมืองไหนบ้างที่หาเสียงไว้แล้วทำตามนั้น ไม่ใช่อย่าง บางพรรคบอกค่าแรง วันละ 700-800 บาทถามว่าทำได้หรือไม่ หากเขาเป็นรัฐบาล ถ้าทำไม่ได้ เดี๋ยวตนจะพาไปทวง  

นายพุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตอนเลือกตั้งขอให้เลือกคนที่มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไปเลือกผู้หญิงท้องแก่ หรือผู้ชายตัวใหญ่ๆ เวลา เลือกต้องเลือกคนมีโอกาสเหมือนมวย ต้องเลือกคนที่มีโอกาสได้ขึ้นไปสู้ขึ้นชกบนเวที ไม่ใช่เลือกคนไม่มีโอกาสสู้

จากนั้นช่วงเย็นนาย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ขึ้นกล่าวขอบคุณชาวบ้าน พร้อมระบุว่าเห็นไหมว่าตนเปิ่นแค่ไหน ยังเรียกพญาไทเป็นอำเภอ ตนต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่น้องประชาชน เพราะไม่เคยปราศรัยใน กทม. มาก่อน ส่วนใหญ่ปราศรัยแต่ต่างจังหวัด

นายอนุทินกล่าวต่อว่า“ประเทศไทยมี 77 จังหวัด ผมเดินทางทั้ง 76 จังหวัด ไม่เคยเครียดขนาดนี้ เพราะทุกอย่างทำเองกับมือ แต่ กทม. ต้องเขียนโพยมา เขียนเล่นๆ เขียนในรถ มือก็สั่นหมด แต่พยายามใช้สิ่งที่ผมได้ทำงานมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมาในฐานะรองนายกรัฐมนตรี วันนี้จะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้พ่อแม่พี่น้องชาวกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวพญาไท-ดินแดงมีความรู้จัก”

นายอนุทินได้กล่าวในช่วงหนึ่งว่า “กทม. มีปัญหาที่ซับซ้อนกว่ามาก แก้ปัญหาโน้นก็จะมีปัญหานี้ หากรู้ว่าคนปรบมือให้มากขนาดนี้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ไปนานแล้ว แต่เป็นรัฐบาลดีกว่าเพราะแก้ปัญหาได้ครอบคลุมมากกว่า” 

นายอนุทิน ยังระบุว่า ในส่วนกระทรวงสาธารณสุขพยามทำให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างเต็มที่ ทุกวันนี้ 30 บาทรักษาทุกโรคไม่พอ ผมทำให้ 30 บาทรักษาทุกที่ได้เรียบร้อยแล้ว

“ผมไม่เข้าใจว่าพรรคที่หาเสียงบอกว่า 30 บาทรักษาทุกที่ หากได้เป็นรัฐบาล แต่ผมว่าตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว” นายอนุทินกล่าว

ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีในหลายกระทรวง อย่างกระทรวงสาธารณสุข เราได้พยายามสุดความสามารถ เพื่อให้ระบบสุขภาพองค์รวมดีขึ้น มีคนบอกว่า จะยกระดับเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่ อยากจะบอกว่า ทำไปหมดแล้ว อย่างเรื่องของผู้ป่วยโรคมะเร็ง ถ้าภูมิใจไทย ได้เป็นรัฐบาล เราจะมีเครื่องฉายรังสีในทุกจังหวัด ผู้ป่วยโรคไต ต้องได้รับความสะดวกสบาย ทุกอำเภอ ต้องมีศูนย์ไตเทียม กับ กทม.งานสาธารณสุขอยู่ในมือของกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข เข้าไปทำงานได้ไม่เต็มที่ ในอนาคต จะต้องมีศูนย์สุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อประสานงานกับ กทม. ถ้าโรงพยาบาลในกรุงเทพฯเต็ม ต้องส่งไปยังจังหวัดใกล้เคียงได้เลย

นายอนุทิน เล่าอีกว่า คนกทม. มี 10 กว่าล้านคน มีเตียงไม่ถึง 30,000 เตียง ช่วงโควิด ต้องไปจัดตั้ง รพ.สนามที่เมืองทองธานี แต่หลังจากสถานการณ์โควิด เราจะเอาจะเอาตั้งเขตสุขภาพ โดยไม่ต้องไปแย่ง กทม.ทำงาน

“เรื่องยาเสพติด พรรคภูมิใจไทย มองว่าเป็นปัญหาใหญ่ เราต้องแก้ไขด้วยการแก้กฎหมาย จากนี้ ใครครอบครองยาบ้า 1 เม็ด เท่ากับผู้เสพ และ 2 เม็ดขึ้นไป เป็นผู้จำหน่ายเลย โทษหนักเลย เตรียมลงนามเร็วๆ นี้ อะไรที่เป็นความสุขของประชาชน เราพร้อมทำ อะไรที่เป็นความทุกข์ของประชาชน เราพร้อมแก้ไข ที่ผ่านมา ภูมิใจไทย ทำงานไม่เกรงใจใคร เราเกรงใจอยู่คนเดียวคือ ประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทินได้กล่าวขอบคุณพี่น้องชาว กทม.ที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ก่อนหน้านี้ใครจะมายุ่งปัญหา ก็จะทะเลาะกับว่ากทม. ตอนนี้ตนมี ส.ส. มาบอกปัญหา ส่วนไหนที่เป็นของ กทม. ก็จะประสานงานไปบอกให้ ส่วนไหนที่เป็นของกระทรวงก็จะเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ไม่ต้องกาบัตรเลือกตั้งก่อนแล้วค่อยแก้ เพราะเราต้องถือว่ามาทำหน้าที่แก้สารทุกข์สุกดิบให้กับพี่น้องประชาชน