"บิ๊กตู่" ขับรถเกี่ยวนวดข้าวโชว์-คุมตัวรองปธ. ศูนย์ข้าวชุมชนฯ ตรวจยึดอาวุธปืนไทยประดิษฐ์พร้อมกระสุน

"บิ๊กตู่" ขับรถเกี่ยวนวดข้าวโชว์

"บิ๊กตู่" ขับรถเกี่ยวนวดข้าวโชว์-คุมตัวรองปธ. ศูนย์ข้าวชุมชนฯ ตรวจยึดอาวุธปืนไทยประดิษฐ์พร้อมกระสุน





ad1

30 พ.ย. 2565  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อเป็นประธานในงาน “เกี่ยวข้าวรักษ์โลก” ที่บ้านเชียงคาน  อ.เชียงของ พร้อมขึ้นรถเกี่ยวนวดข้าว ทำการเกี่ยวข้าวในแปลงนาด้วยตัวเอง 1 รอบ จากนั้นได้พูดคุยและให้กำลังใจกลุ่มเกษตรกร พร้อมระบุ เกษตรกรรวมตัวกันได้ เพราะรัฐบาลได้ดูแลเรื่องกองทุนหมู่บ้านลงมาในเรื่องการเกษตร การให้ความรู้เรื่องการใช้สารอินทรีย์ นอกจากนี้ยังได้สอบถามความเป็นอยู่ของเกษตรกรด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนคิดอยู่ตลอดว่า ทำอย่างไรให้ทุกคนลืมตาอ้าปากได้ให้มีรายได้ที่เพียงพอที่จะใช้จ่าย ซึ่งหลายอย่างมีการพัฒนาแล้ววันนี้ วันหน้าประเทศไทยจะเปลี่ยนอีกมาก ทุกคนต้องพัฒนาไปตามการเจริญเติบโตของบ้านเมืองไปด้วย ซึ่งเราเป็นแหล่งข้าวแหล่งน้ำอยู่แล้ว ชาวนาทุกคนจะเป็น Smart Farmer ได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องอาศัยความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ วันนี้นั่งรถเกี่ยวข้าว ซึ่งรถก็ร้อน นั่งทั้งวันคนเดียวก็จะบ้าเหมือนกัน แต่เกษตรกรต้องอดทนไม่มีใครอดทนเท่าคนไทยได้อีกแล้ว

“รายละเอียดทุกอย่างผมมีอยู่หมดแล้ว แต่วันนี้อยากฟังจากปากทุกคนเอง เพราะทุกคนคือคนทำ ฟังจากปากคนทำแสดงว่าทำจริง อะไรก็ได้ถ้าทำจริงจังมันก็จะสำเร็จ ผมไม่ชอบหลอกลวงอะไรกัน เพราะต้องการทำให้ประเทศนี้ดีขึ้น พวกเราทุกคนดีขึ้นเราจะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากอธิบดีกรมการข้าวและตัวแทนเกษตรกร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องทำกระบวนการขั้นต้นของให้แข็งแกร่งตั้งแต่การผลิต แปรรูป การเพิ่มคุณภาพ เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่โลกให้ความสำคัญที่สุดการแก้ปัญหาโลกร้อน หากทำก่อนก็จะมีโอกาสก่อนประเทศอื่น เพราะวันหน้าเราต้องถูกกีดกัน ทั้งในเรื่องการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์โดยไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ถ้าทำอินทรีย์ทั้งหมดเราสามารถขึ้นทะเบียนได้ว่าเป็นสินค้ารักษ์โลก ภาษีก็จะลดลงอีก รายได้ก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งตนพูดในเวทีเอเปคไปแล้วในการสนับสนุนสินค้า BCG ซึ่งหลายอย่างเป็นปัญหาการกีดกันการค้า นอกจากเรื่องสงคราม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนมาเพื่อติดตามความก้าวหน้าของทุกคน ไม่ได้มาเพราะเรื่องอื่นๆ วันนี้ต้องมองให้ไกล ถ้ามองใกล้ตัวมันก็เห็นแต่ความทุกข์ จึงต้องมองนอกจากตัวเองไปถึงคนอื่นและกลไกที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น รัฐบาลจึงจะช่วยได้ ยืนยันว่าตนจะสนับสนุนในโครงการเหล่านี้ต่อไปตราบใดที่ยังอยู่ พร้อมวางรากฐานให้รัฐบาลต่อๆ ไปด้วย ไม่เช่นนั้นมาพบทุกคนก็เจอกันแบบเดิม หน้าแห้งทุกที ทำนาเสร็จไม่รู้ไปไหนเข้ากรุงเทพฯเข้าเมืองหางานทำ ซึ่งวันนี้งานไม่ได้ง่ายนัก

“เราจะเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้าที่ใหญ่ในอาเซียนและเป็นแห่งหนึ่งของโลก วันนี้มาหลายบริษัทกำลังเจรจาหลาย อย่างวันนี้อยากจะบอกประเทศไทยมีโอกาสแล้วเพราะพวกเราอยู่กันสงบ เรียบร้อย มีความสุขมีเสถียรภาพ ทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา แต่เอาน้อยๆลงหน่อยได้ไหม เพราะคนจับตาดูอยู่ เขาบอกประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญเป็นเป้าหมายสำคัญของโลกในปัจจุบัน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

จากนั้น พลอ.ประยุทธ์ ได้เดินพบปะทักทายเกษตรกร อย่าวอารมณ์ดี พร้อมขอให้ทุกคนโชว์ รอยยิ้มสยามให้ดูหน่อย ยิ้มกว้างๆ พร้อมระบุช่วงหนึ่งว่า “วันนี้แพ้อากาศน้ำมูกไหล แต่ไม่ได้เป็นโควิด ตรวจแล้ว และย้ำว่าขอให้ทุกคนระวังด้วย ไม่ได้บอกให้ตระหนก แต่วันนี้การท่องเที่ยวเราดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากเปิดประเทศ ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ มีปัญหา ทะเลาะเบาะแว้งก็ไม่มีใครมา ก่อนจะกล่าวว่า “เดี๋ยวหาว่ามาทำการเมือง ไม่ได้ทำการเมือง มาทำการบ้าน มาติดตามงานและนโยบายที่ให้ไว้ ทั้งหมดจะอยู่แค่ไหนเป็นเรื่องของประชาธิปไตยการเลือกตั้งว่ากันไป วันนี้ไม่ได้มาเรื่องการเมืองนะ เดี๋ยวจะโดนอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวพร้อมกับยิ้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพื้นที่บริเวณสระน้ำ บ้านเชียงคาน หมู่ที่ 14 ต.สถาน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินมาถึงเพื่อร่วมเสวนาฯ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และหน่วยหน่วยสอบวัตถุระเบิดและวัตถุต้องสงสัย (EOD) ได้ตรวจพบและทำการควบคุมตัว นายวิชาญ กาวีวงค์ อายุ 66 ปี ชาว ต.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรองประธานศูนย์ข้าวชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากตรวจยึดอาวุธปืนปากกาไทยประดิษฐ์ และลูกกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 6 นัด ปละกระสุนไม่ทราบขนาด อีก 1 นัด

โดยถูกตรวจพบและควบคุมตัวขณะซุกซ่อนอาวุธปืนไว้ขณะเดินผ่านเครื่องตรวจอาวุธ ก่อนเช้าภายในงานทางเจ้าหน้าที่ (EOD) จึงทำการตรวจค้นจนพบอาวุธดังกล่าว จึงส่งต่อไปยังกองอำนวยการร่วม และอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยมีรายงานว่า นายวิชาญ อ้างว่าปืนปากกาและอาวุธที่พบนั้นเป็นของบุตรชาย และเสียชีวิตไปแล้ว