สาวขุขันธฺุ์ศรีสะเกษ เลี้ยงปลาช่อน-กบนาข้าวญี่ปุ่น สร้างรายได้พุ่ง(มีคลิป)

สาวขุขันธฺุ์ศรีสะเกษ เลี้ยงปลาช่อน-กบนาข้าวญี่ปุ่น สร้างรายได้พุ่ง(มีคลิป)





ad1

สาวขุขันธฺุ์ศรีสะเกษ เลี้ยงปลาช่อน-กบนาข้าวญี่ปุ่น 
เปิดขายผ่านสื่อออนไลน์ ราคากิโลกรัมละ 1,000 บาท 

โดย... เสนาะ วรรักษ์

นางลำใย มิตรสม เจ้าของรีสอร์ทและโฮมสเตย์บ้านสวน  บ้านโนนสว่าง ต.โสน (สะ-โน) อ. ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยถึงที่มาของการทำสวนผสมผสาน ว่า เริ่มแรกเดิมทีได้ทำรีสอร์ท แต่เมื่อปี 2562 ได้เกิดโรคระบาดติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ไม่มีลูกค้าและขาดรายได้ และไม่มีงานทำ จึงหันมาทำเกษตรแบบผสมผสาน โดยใช้พื้นที่จำนวน 3 งาน มาทำนาปลูกข้าว เลี้ยงกบ เลี้ยงปลาช่อน และแหนแดง พร้อมปลูกพืชสวนครัวและพืชผล ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง

ลำใย มิตรสม เจ้าของรัสอร์ทโฮมสเตย์บ้านสวน

โดยได้ซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวญี่ปุ่น พันธุ์ “โคชิฮิคาริ” ที่สั่งซื้อในสื่อออนไลน์ มาจำนวน 500 กรัม (ครึ่งกิโลกรัม) ในราคา 500 บาท มาทำการหว่านกล้าและปักดำ ที่เลือกปลูกข้าวญี่ปุ่นเพราะเห็นว่าขายได้ราคากว่าข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งปัจจุบันชาวนาทำกันเยอะมากและมีราคาถูก พ่อค้าคนกลางกดราคาได้ ก็เลยลองปลูกข้าวญี่ปุ่นดูปรากฏว่าได้ผล ซึ่งข้าวญี่ปุ่นจะเป็นข้าวอายุสั้นสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปีหากมีระบบน้ำที่ดี

ปีหนึ่งจะสามารถปลูกได้ 3 ครั้ง ซึ่งใช้เวลาปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณ 120 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้  ส่วนแนวทางการจำหน่ายก็จะทำการคัดพันธุ์ให้กับผู้ที่สั่งซื้อ โดยจะขายทางสื่อออนไลน์ ขายในราคา กิโลกรัมละ 1,000 บาท  จะมีลูกค้าสั่งซื้อส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้า นำไปทำข้าวปั้น และ ข้าวซูชิ ขายกันอีกที 

ส่วนปลาช่อนได้ซื้อพันธุ์มาอนุบาลในบ่อ จนเติบโตที่จะเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ได้แล้ว ก็เลยนำจากบ่อมาเลี้ยงในนาข้าว จำนวน 60 ตัว เพื่อให้ปลาได้อยู่แบบธรรมชาติและผสมพันธุ์กันเอง และเมื่อปลาวางไข่ออกลูกแล้ว ก็จะตักขึ้นมาอนุบาลในบ่อเลี้ยงก่อน เนื่องจากว่าในนาข้าวนั้น มีทั้งกบ

ทั้งปลาชนิดต่างๆ ที่ไม่ใช่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของเขาก็จะถูกกินจนหมด ต้องตักขึ้นมาอนุบาลก่อน เมื่อเติบโตอายุครบ 1 เดือนแล้ว ก็จะปล่อยลงนาข้าว ให้อยู่แบบธรรมชาติหากินตามระบบนิเวศ นอกจากให้ปลาหากินตามธรรมชาติแล้ว ก็จะเลี้ยงด้วยหัวอาหารบางส่วน และแหนแดง 

นอกจากจะเลี้ยงปลาช่อนแล้ว ยังมีกบที่เลี้ยงในนาข้าว ในตอนแรกมีความคิดว่า จะเลี้ยงกบไว้จำหน่าย โดยได้ไปซื้อลูกอ๊อดมาจำนวน 2,000 ตัว มาเลี้ยงในแปลงนาข้าวหอมมะลิ ซึ่งตนได้แบ่งเนื้อที่จำนวน 1 งาน ปลูกข้าวหอมมะลิ กข 105 ไว้ เพราะข้าวไทยลำต้นใหญ่และสูงใช้เพื่อให้ลูกกบนั้นได้พลางตัว จากนก และอีกา เพราะพื้นที่เลี้ยงนั้นติดป่า เริ่มแรกต้องเลี้ยงกบด้วยหัวอาหาร ซึ่งเมื่อกบเติบโตอายุ 2 เดือน ก็จะเลี้ยงกบด้วยแหนแดง เพื่อเป็นการลดต้นทุน 

เนื่องจากว่า ตอนแรกคิดจะเลี้ยงกบไว้ขาย แต่เกิดความผูกพันธุ์กับกบที่เลี้ยง เลยไม่คิดที่จะขาย  เนื่องจากตื่นเช้ามาตนก็จะนำแหนแดงมาให้อาหาร พร้อมร้องเรียกกบ ก็จะออกมากินอาหารล้อมรอบตัวตน จนเกิดความคุ้นเคยเลยไม่คิดที่จะขายกบเหล่านี้ ซึ่งนอกจากได้อยู่แบบธรรมชาติแล้ว ตนยังเปิดให้ลูกค้าที่แวะเข้ามาพักที่รีสอร์ท ได้เข้าชมสวนสร้างสุขแห่งนี้ ที่ผู้เข้าพักจะได้พักผ่อนในบ้านเรือนไทยในรูปแบบโฮมสเตย์แล้ว ยังเดินชมทุ่งนา ปลาช่อน และกบ แบบผ่อนคลายไปกับธรรมชาติได้อีกด้วย