สยามนี้มีเรื่องเล่า :การยืนตรงถวายความเคารพ

เรื่องเล่าสยาม

สยามนี้มีเรื่องเล่า :การยืนตรงถวายความเคารพ





ad1

(คอลัมนิสต์)                                                            สยามนี้มีเรื่องเล่า :การยืนตรงถวายความเคารพ      โดย ดร.สุวิจักขณ์ ภานุสรณ์ฐากูร

     ชีวิตมาถึงวันนี้ 55 ปี ผ่านมา สองแผ่นดิน ผมไม่เคยคิดว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้มากมายถึงเพียงนี้ จริงอยู่โลกหมุนไปข้างหน้า ซึ่งหัวใจก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่สกูรกลับหลัง จะว่าไปแล้วหัวใจกับสำนึกมันเนื้อความเดียวกัน 
     อยากจะเล่าถึงอดีตให้ฟัง ผมทันในช่วงที่โรงภาพยนต์ฉายหนัง "จบ" แล้วคนที่อยู่ในโรงภาพยนต์จะต้องลุกขึ้น เพื่อถวายความเคารพในหลวงพร้อมกับบทเพลงสรรเสริญพระบารมี
     สิ่งที่ปรากฏเห็นในวันนั้นคงจะเกิดขึ้นก่อนผมเกิดหลายปี เป็นทำเนียมปฏิบัติสืบกันมา จนกระทั้งเกิดกรณี มีคนไม่ยอมยืนถวายความเคารพพอหนังจบก็รีบออกจากโรงหนังไปในทันที (อันนี้ฟังจากเขาเล่าว่า..) ซึ่งผมไม่เคยได้สังเกตเห็น
     กระทั้งเปลี่ยนจากภาพยนต์ฉายจบมาเป็นก่อนภาพจะฉายแทน เพื่อให้ทุกท่านได้ลุกขึ้นแสดงความเคารพในหลวง ผ่านมาหลายปีผมเห็นการกระทำเช่นนี้เป็นไปโดยปกติ จนกระทั้ง
มีหนังสั้นออกมาชุดหนึ่ง...กล่าวคือ
     เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในโรงภาพยนต์ มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมายืนอยู่หน้าจอภาพยนต์ขนาดใหญ่ เขาออกมาพูดถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าพระองค์ได้ทุ่มเทและเสียสละอย่างไรเพื่อเราบ้าง 
     แผ่นดินนี้ประเทศนี้เป็นอยู่ได้เช่นนี้เพราะใคร ขอให้ทุกคนในโรงภาพยนต์ระลึกให้ดี ๆ คำพูดทุกคำเป็นการปลูกสำนึกว่า เราควรจะกระทำ (การแสดงความเคารพต่อพระองค์) ด้วยเหตุผลอย่างสมควรที่สุด เพราะพระองค์ได้กระทำให้พวกเรามาอย่างมากมาย (ตรงนี้อาจมีคนแย้ง) แต่ผมจะบอกต่อไปว่า ชีวิตของพวกเราไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ที่ได้รับการช่วยเหลือจากในหลวง นึกดูครับ ไม่ต้องนึกคิดให้ลึกซึ้งเราก็มองเห็นได้
     หนังสั้นดังกล่าวจบลงด้วยการที่ทุกคนในโรงภาพยนต์ลุกขึ้นแสดงควรมเคารพต่อพระเจ้าอยู่หัว จากหนังสั้นเรื่องนี้ผมเกิดข้อสงสัย สำนึกพื้นฐานเช่นนี้ เราจำเป็นต้องให้ใครมาพูดกระตุ้นหรือ เราคิดเองไม่ได้หรือ ในขณะเดียวกันผมไม่เคยเห็นสักครั้งในโรงภาพยนต์ว่าจะมีคนไร้สำนึกเช่นนั้น 
     โลกหมุนไปข้างหน้า มหาราชอันเป็นที่เคารพรักอย่างที่สุดเสด็จเสวยสวรรค์ สังคมเริ่มมีรอยแตกแยกให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ความรักและไม่รัก แบ่งแยกแผ่นดินและหัวใจของผู้คน
     ในหลวงปีนี้จะพระชนมายุ 70 พรรษา พระองค์ พระชนมายุถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยังคงสานต่อสิ่งที่ในหลวงรัชกาลก่อนได้ทรงทำเอาไว้ คนที่ชื่นชมกับไม่ชื่นชม ผมเห็นในโรงภาพยนต์มากขึ้น ท่าทีที่แสดงออก บ่งบอกถึงความคิดและหัวใจคน ในเรื่องนี้ผมขอตั้งคำถามให้กับตัวเองเพื่อให้ตัวเองได้ตอบ
     หนึ่ง ถ้าพ่อของผมทำคุณประโยชน์มาอย่างมากกับสังคม วันหนึ่งท่านล่วงลับไป หากแต่ยังมีคนกล่าวถึงท่านด้วยความชื่นชม ผมจะยังคงให้เสียงนั้นดังต่อไป และถ้าเป็นพ่อของคุณบ้าง คุณยังอยากให้เป็นเช่นนั้นหรือเปล่า หรือให้มันเงียบหายไป?
     สอง ถ้าผมเกิดในส่วนที่ไม่อาจจะนับเป็นประเทศได้ ไปตรงไหนก็ไม่ได้โดนขับไล่ ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น หากมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ให้ผมได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทย
โดยไม่ว่าจะต้องทำงานขยันขันแข็งขนาดไหน เพื่อให้ได้มาซึ่งที่เหยียบยืนอย่างมั่นคง ผมจะไม่ลังเลแม้เสี้ยวนาที ที่จะตอบรับการช่วยเหลือนั้น
     แต่การแลกฐานะของผมจะต้องแลกกับ คนไร้จิตสำนึกไปอยู่แนวตะเข็บแทน ผมคิดว่าจะมีใครกล้าแลกกับผมบ้าง
     นี่คือคำถามและคำตอบของผมเอง ต่อสิ่งที่เห็น ต่อสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป หากแต่หัวใจผมยังคงเดิม "ผมรักในหลวง"