"ทนายอนันตชัย​" ยื่นกรมปกครอง 8 แฟ้ม 352 เรื่อง ยุบสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญของ "พี่ศรีฯ"-ฟาด "พี่ศรีฯ" ดูหมิ่นปชช.1.38 ล้านคนที่เลือก "ชัชชาติ" ว่าเป็นไส้เดือนกิ้งกือ

"ทนายอนันตชัย​" ยื่นกรมปกครอง 8 แฟ้ม 352 เรื่อง ยุบสมาคมฯพี่ศรี

"ทนายอนันตชัย​" ยื่นกรมปกครอง 8 แฟ้ม 352 เรื่อง ยุบสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญของ "พี่ศรีฯ"-ฟาด "พี่ศรีฯ" ดูหมิ่นปชช.1.38 ล้านคนที่เลือก "ชัชชาติ"  ว่าเป็นไส้เดือนกิ้งกือ





ad1

06 มิ.ย. 2565  เวลา​  13.30​ น.​ ที่​ กรมการปกครอง นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ได้นำหลักฐานเอกสาร 8 แฟ้ม รวม 352 เรื่อง ระหว่างปี 2562-2565 เข้ายื่นเพิกถอน สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ต่อกรมการปกครอง ยื่นถึงนายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยผ่านนายณัชวันก์ เตชะเสน ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ ให้เพิกถอนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมฯ โดยให้เหตุผล ว่าสมาคมนี้ ร้องเรียนอยู่เรื่อย อย่างกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็ถูกร้องเรียนตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไปบริหาร และยังดูหมิ่น ประชาชนที่เลือกตั้งเข้ามา 1.38 ล้านคน ว่าเป็นไส้เดือน กิ้งกือ

โดยนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ที่ตนเองมายื่นหนังสือยุบสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ในวันนี้นั้น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 นายศรีสุวรรณ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) โดยกล่าวหาว่า กระทำการทิ้งหิน ดิน ล่วงล้ำลำน้ำแควน้อยเกินกว่าแนวเขตของตน   โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าตาม มาตรา 119 พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 พร้อมกับปลูกต้นไม้เป็นสวนหย่อม และทำทางเท้าปูด้วยแผ่นหิน อันเป็นการปลูกสร้างสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปในน้ำ ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดิน เมื่อปี 2551

 ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้มอบอำนาจให้ตนเอง ยื่นฟ้องนายศรีสุวรรณ ที่ศาลอาญา รัชดา ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไปกล่าวหา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์

แต่หารู้ไม่ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ขออนุญาตต่อกรมเจ้าท่า ภูมิภาค 3 สาขากาญจนบุรี ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งที่ดินที่ถูกร้องเรียนนั้น ทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้โอนที่ดินดังกล่าวให้กับบุตรสาว และบุตรชายก่อนเป็นนักการเมือง ดังนั้น เมื่อนายศรีสุวรรณ ยื่นหนังสือร้องเรียนผิดจริยธรรม ในที่ดินดังกล่าว ซึ่งไม่ได้เป็นชื่อของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แล้ว จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว และที่ดินนั้นไม่ได้เกี่ยวกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แล้ว

ทนายอนันตชัย ได้กล่าวว่า “ผมมองแล้วทุเรศ วันนี้ผมใช้เวลารวบรวมข้อมูล 8 เดือนหอบเอกสารการร้องเรียนของนายศรีสุวรรณตั้งแต่ปี 2562-ปัจจุบัน 7 แฟ้ม 352 เรื่อง แต่ตัดเรื่องที่เกี่ยวกับคดีมาตรา 112 ออก ขอย้ำว่าอย่าระราน รังแกข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมือง และประชาชน เพราะคนที่ถูกร้องเขาเสียหาย โดยเฉพาะข้าราชการที่ไม่มีทางสู้ ดังนั้น การจะร้องใคร ต้องตรวจสอบให้ดีก่อน” นายอนันต์ กล่าว

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า การกระทำของนายศรีสุวรรณผิดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 101 คือการแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าความและการร้องเรียนผิดวัตถุประสงค์ของสมาคมที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ตนอยากให้นายศรีสุวรรณฟ้องตนกลับ จะได้รู้ดำรู้แดงกันไป

ทนายอนันต์ชัย ถามว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจัดประชุมคณะกรรมการสามัญประจำปีหรือไม่ เปลี่ยนแปลงนายกสมาคมหรือไม่ ส่งบัญชีงบดุล ให้กับกรมสรรพากรหรือไม่ การทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เคยประชุมให้คณะกรรมการรับทราบหรือไม่ ดังนั้น ก่อนที่จะตรวจสอบคนอื่น เคยตรวจสอบสมาคมตนเองหรือไม่ว่าขาวสะอาด แค่นี้ยังไม่ขาวสะอาด แล้วจะไปตรวจสอบคนอื่นได้อย่างไร 

ทนายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า การร้องเรียนครั้งนี้ ให้เวลาอธิบดีกรมการปกครอง 30 วัน หากไม่เพิกถอนจะยื่นหนังสือกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎรให้เรียกเอกสารทุกหน่วยงานที่เกี่ยวกับสมาคมนี้ แต่ในทางกฎหมายให้เวลาไว้ 15 วัน อธิบดีต้องให้คำตอบ และจากนี้จะไปยื่นถึงกรรมสรรพากรให้ตรวจสอบสมาคม ว่าจัดทำบัญชีงบดุล หรือไม่อย่างไร

ทนายอนันต์ชัย ยังรวบรวมการร้องเรียนของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และนายศรีสุวรรณ ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ตรวจพบ มีการร้องเรียนไป 352 เรื่อง ซึ่งเรื่องที่ร้องเรียนส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ อีกทั้งนายศรีสุวรรณ ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่าชาวบ้านที่มาร้องเรียนบางคนรวบรวมเงินคนละเล็กคนละน้อย 2-3 พันบาท ถ้าคิดง่ายๆ 3,000 คดี คดีละ 1,000 บาท ก็เป็นเงิน 3,000,000 บาท

“ผมของจริง ไม่ซี้ซั้ว ไม่หิวแสง และไม่ใช่อาศัยจังหวะของนายชัชชาติ มาร้องเรียน และวันนี้มาขออธิบดีกรมการปกครอง ให้ท่านช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ข้าราชการทั้งประจำและการเมืองนำสมาคมนี้ออกไปเสียที อย่าทำแบบนี้กับประชาชนอีก เพราะเขาเดือดร้อน เสียชื่อเสียง ข้าราชการน่าสงสาร ทำอะไรต้องเหมือนกับผม เพราะผมทำคดีบนศาล ไม่ใช่บนโซเชียล และสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ก็ให้พึงสังวรณ์ไว้ด้วย ต่อไปตนก็จะจัดการกับสมาคมนี้ หากมีคนมาร้อง” นายอนันต์ชัย กล่าว