คืบหน้า ลูกช้างป่า ฝูงช้างเป็นห่วงยังคงวนเวียนใกล้พื้นที่ลูกช้างถูกรถชนตาย พบมีป้ายปักแจ้งเตือนแต่ไม่มีไฟส่อง รกครึ้มด้วยราวป่า

คืบหน้าลูกช้างป่าถูกรถชนตาย

คืบหน้า  ลูกช้างป่า  ฝูงช้างเป็นห่วงยังคงวนเวียนใกล้พื้นที่ลูกช้างถูกรถชนตาย   พบมีป้ายปักแจ้งเตือนแต่ไม่มีไฟส่อง รกครึ้มด้วยราวป่า





ad1

(คืบหน้า) - 2ลูกช้างป่า ข้ามถนนมาพร้อมโขลงถูกรถชนตาย 1 บาดเจ็บ 1  พบรอยโขลงช้างกว่า 30 ตัว ยังห่วงซากช้างป่าที่ตายยังหากินวนเวียน ๆ ข้างที่เกิดเหตุถนนสายสระแก้วตัดใหม่ (พนมสารคาม-สระแก้ว )หรือ สาย 359

เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้  19ต.ค.64ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานความคืบหน้า  กรณีเกิดอุบัติเหตุ  ขณะที่โขลงช้างป่ากว่า 30 ตัว   ข้ามถนนสายสระแก้วตัดใหม่ (พนมสารคาม-สระแก้ว )หรือ สาย 359 ระหว่าง กม 62-63 บนถนนสาย 359 บ้านหว้าเอน หมู่ที่ 8 ต.หนองโพรง   อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จากฝั่ง .ฉะเชิงเทรา จะข้ามมาฝั่งตรงข้าม จ.ปราจีนบุรี  ที่เป็นเขตพื้นที่ติดต่อกัน   มี 2 ลูกช้างป่าอ่างฤาไน ซุกซน  ออกจากฝูงได้ถูกรถชนตาย 1 ตัว  อีก 1 ตัวได้รับบาดเจ็บหนีเตลิดกลับเข้าโขลง

 

เหตุเกิดเมื่อหัวค่ำวานนี้ ( 18 ต.ค.)  พร้อมเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน มีรถยนต์เสียหาย 3 คัน มีผู้บาดเจ็บ หญิง 1ราย เป็น   รถกระบะโตโยต้า หมายเลขทะเบียน กม 1459 ฉะเชิงเทรา โตโยต้า วีออส หมายเลขทะเบียน 2กค4946 กทม และ อีซูซุ หมายเลขทะเบียน รย 7692 กทม   ส่วนผู้บาดเจ็บ หญิง 1ราย   ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.อาริยะ ตุ้มทอง อายุ 20 ปี ถูกหน่วยกู้ภัยฯ นำส่ง ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.จุฬารัตน์ 304 อ.ศรีมหาโพธิ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้บูรณาการ  เคลียร์เส้นทาง เรียบร้อย ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกับป่าไม้ ในเปิดไฟให้สัญญาณ ป้องกันช้างป่าที่จะออกมา และคอยจุดปะทัดผลักดันโขลงช้างป่า กว่า 30 ตัว  ที่ยังเป็นห่วงลูกช้างที่ตาย  ยังเดินวนเวียนในราวป่าใกล้ ๆ  เป็นระยะ ๆ  ตามรายละเอียดที่ได้นำเสนอ  ก่อนหน้านี้ นั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (19 ต.ค.)   ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ  เป็นถนน 4 ช่องการจราจร ฝั่งขาขึ้นมุ่งหน้าไปสู่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี  และ จ.สระแก้ว  พบบริเวณดังกล่าวมีป้ายประกาศแจ้งเตือนภัยให้ระวังช้างป่า  แต่ไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างรายทาง  สภาพ 2 ฝั่งทาง รกครึ้มด้วยราวป่ายูคาลิปตัส และป่าไม้สัก และไร่มันสำปะหลังสลับกัน   ส่วนซากลูกช้างป่าที่ตาย  ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้  ได้นำไปผ่าพิสูจน์และฝังทำลายในส่วนของอุทยานฯ ที่เหมาะสมแล้ว   

ยังคงพบเห็นร่องรอยของโขลงช้างป่าเป็นจำนวนมากทั้งรอยเท้า ,มูลช้างที่ถ่ายไว้  เดินย่ำวนเวียน ๆ  หากินใกล้ ๆ   บริเวณที่  ลูกช้างป่าถูกรถชนตาย โดยรอบบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ    พบรอยฝูงเท้าช้างป่าถอนหัวมันสำปะหลังกินเป็นบริเวณกว้าง   คาดว่าแม่ช้างป่า และจ่าฝูง  หรือแม่แปรกคงเป็นห่วงลูกและมาดูซากลูกช้าง   ที่ถูกรถชนตายแต่ไม่พบตัวลูกช้าง   จึงพากันวนเวียน ๆ  รอดูให้กลับเข้าฝูง-โขลงอยู่ที่เกิดเหตุตลอดทั้งคืน 

ขณะเดียวกันพบเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ป่าไม้เขาอ่างฤาไน  จากพื้นที่ป่าราบต่ำผืนสุดท้ายในรอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก (ฉะเชิงเทรา ,สระแก้ว,จันทบุรี,ชลบุรี , ตราด)  ยังไม่ถอนกำลังกลับยังคงขับรถตระเวนแกะรอยฝูงช้างป่ากลุ่มนี้เพื่อที่จะทำการผลักดันกลับถิ่นเดิม รอบบริเวณบ้านหว้าเอนและบริเวณหลังวัดหว้าเอน บ้านมาบเหียง บ้านสามขา มีการติดป้ายแจ้งเตือนระวังช้างป่าออกหากินตั้งแต่เวลา  17-19น.

จากการสอบถามชาวบ้านหว้าเอน ครูเอส สูงสรรเขต และ  ชาวบ้านกล่าวว่า ทราบว่าลูกช้างป่าถูกรถชนตายรู้สึกสงสารเรื่องหดหู่มากไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อยากให้มีการปักป้ายแจ้งเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนบนถนนสาย 359 ให้มากขึ้นและปรับภูมิทัศน์ช่วงบริเวณช้างป่าเดินข้ามให้มองเห็นเด่นชัดกว่านี้ขณะนี้พบช้างป่าหลบอยู่บนเขาหว้าเอนไม่ทราบจำนวนว่ามีกี่ตัว รอเวลาบ่ายทางผู้นำหมู่บ้านจะประสานเจ้าหน้าที่ผลักดันช้างเขาอ่างฤาไนทำการผลักดันช้างป่ากับถิ่นเดิมต่อไป

ด้าน นายชัยวรรณ นิยม นอภ.ศรีมหาโพธิ กล่าวว่า “ โขลงช้างป่านี้มีจำนวนมากกว่า 20 -30 ตัว  วนเวียนจากฝั่ง จ.ฉะเชิงเทรา ข้ามฝั่งไป –มา  หากินในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีหลายวันแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครองครอง ผ็นำท้องถิ่นพยายามผลักดันกลับคืนถิ่นทุกครั้ง และเมื่อเดือนที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เคยเกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนช้างป่าจนงาหักได้รับบาดเจ็บ ในบริเวณนี้มาก่อนหน้าแล้วครั้งหนึ่ง  และล่าสุดเมื่อคืนวานนี้ ( 18 ต.ค.) ลูกช้างป่า 2 ตัวข้ามถนนตามโขลง  แต่เกิดอุบัติเหตุถูกรถชนตาย 1 ตัว อีกตัวบาดเจ็บวิ่งหนีกลับเข้าโขลง

ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ ยังคงติดตามโขลงช้าง และลูกช้างป่า  เกรงว่าโขลงช้างจะกลับมาหาลูกเนื่องจากความเป็นห่วง  สำหรับผืนป่าแห่งนี้ ทั้ง จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.ปราจีนบุรีในอดีตนั้น    เคยเป็นผืนป่าเดียวกัน  ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดนี้ เดิมคือ ป่าพนมสารคาม     เป็นพื้นที่ป่าที่ราบต่ำขนาดใหญ่ผืนเดียวที่ยังคงสภาพเหลืออยู่ บริเวณตอนกลางของภาคตะวันออกของประเทศ   มีอาณาเขตครอบคลุมติดต่อกันถึง 5 จังหวัด ได้แก่  ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง และจันทบุรี      บริเวณจุดดังกล่าวเป็นเส้นทางเดิมที่ช้างป่ามันเคยเดินผ่าน  เป็นรอบเส้นทางของฝูงช้างป่าเขาอ่างฤาไนข้ามมาหากินในพื้นที่ดังกล่าว  และมันต้องหากินตามวงรอบของมัน  โดยชาวบ้านในพื้นที่จะรู้ดี  หากบ้านไหนตั้งห่างไกล จะเอากะปิ น้ำปลา หลบไว้ให้ปลอดภัย  ไม่ให้ช้างหยิบฉวยไป 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม    พื้นที่ป่า “พนมสารคาม”  ผืนนี้      เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาพันธุ์ ถือได้ว่าเป็นป่าดิบลุ่มต่ำผืนสุดท้ายของประเทศ    เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างระบบนิเวศภาคกลางกับตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับป่าในประเทศกัมพูชา     ต่อมาป่าไม้ตามชายแดนฝั่งประเทศไทยถูกบุกรุกทำลายแทบไม่เหลือสภาพป่า   และการตัดถนนจากสาย 304 , ถนนสาย 359 และถนนสายจันทบุรี – จ.สระแก้ว เนื่องจากกองทัพสหรัฐใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทธโธปกรณ์ กำลังคนในการโจมตีประเทศเวียดนาม ที่เป็นคู่สงครามกัน     ป่าพนมสารคามที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตจึงถูกแบ่งแยกไป    พร้อมมีพื้นที่ลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2510 เป็นต้นมา    จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 5 ล้านไร่ เนื่องจากได้ถูกราษฎรบุกรุกครอบครองพื้นที่โดยมีสาเหตุจากการเพิ่มประชากร ความยากจนและเหตุผลทางการเมืองในขณะนั้น   ทำให้ปัจจุบันเหลือพื้นที่ประมาณ 1.3 ล้านไร่