"ชัชชาติ" ย้ำทีมงานอย่าหลงผลโพล ให้แข่งกับตัวเอง-เชิญชาวกทม.ไปใช้สิทธิ์กันเยอะๆ

ชัชชาติบอกเล่าประสบการณ์ตรงของตนเองว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วยเหลือตั้งแต่ตนพบว่าลูกหูหนวก ไม่ใช่นวัตกรรมที่หรูหรา แต่คือเครือข่ายครอบครัวคนพิการที่ร่วมมือช่วยเหลือกัน ชัชชาติได้ยกตัวอย่างเครือข่ายครอบครัวที่มีลูกพิการซ้ำซ้อน ที่พ่อแม่มารวมตัวกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ จัดหาสถานที่บำบัด ซึ่ง กทม. ไม่ได้เข้ามาสนับสนุนตรงนี้ ทั้งที่เป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นทุนทางสังคมที่เข้มแข็ง กทม.ต้องเข้าไปช่วยเหลือ เช่น ทำข้อมูลให้ชัดเจน ว่าผู้พิการอยู่ที่ไหนบ้างในแต่ละชุมชน เป็นผู้พิการแบบไหน ช่วยสร้างเครือข่าย หาพื้นที่ให้เขาได้รวมตัวกัน แล้วสนับสนุนด้านวิชาการ ด้านอุปกรณ์ต่างๆ เป็นเรื่องที่ง่าย แต่เปลี่ยนชีวิตของคนพิการได้

.


“อย่างลูกผมที่หูหนวก ครอบครัวที่มีคนหูหนวกก็ช่วยกันเยอะเลย ลูกผมไปผ่าตัดต่างประเทศแล้วสำเร็จเป็นคนแรก ไม่มีใครผ่าตัดมาก่อน เราก็มีการไปคุยให้กลุ่มพ่อแม่ที่มีลูกคล้ายๆกัน แนะนำเขา ให้กำลังใจเขา ว่ามันมีทางเลือกอื่นนอกจากใส่เครื่องช่วยฟังหรือว่าอ่านริมฝีปาก สุดท้ายแล้วมีคนผ่าตัดแล้วตอนนี้สองพันคนที่สามารถพูดได้ นี่เป็นพลังของการรวมตัวกัน ภาครัฐทำศูนย์กลาง ทำข้อมูลให้เรามาช่วยกัน มีผู้เชียวชาญมาช่วย มีเทคโนโลยีมาช่วย”

.

[ สวนสาธารณะ และทางวิ่ง city run: ต้องถามคนใช้ ต้องอยู่ใกล้บ้าน ]

.

สวนสาธารณะที่มีอยู่แล้ว กทม. ต้องเริ่มถามคนใช้งานว่าต้องการอะไร เพื่อเพิ่มดูแลสิ่งอำนวยความสะดวก เช่นสบู่ล้างมือ ล็อกเกอร์ ห้องอาบน้ำ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มาสวนลุมฯ หรือมาสวนเบญจกิติได้ทุกวัน กทม. ต้องไปดูพื้นที่เพิ่มเติมแล้วไปสนับสนุน ลานกีฬาที่ดี คือลานกีฬาใกล้บ้านที่เราสามารถไปใช้งานได้ทุกวัน กทม. ต้องขยายลานกีฬาที่มีคุณภาพไปอยู่ใกล้บ้านปัจจุบันเรามีลานกีฬาอยู่ 1,034 แห่งทั่วกรุงเทพฯ แต่หลายแห่งถูกทิ้งรกร้าง และขาดอุปกรณ์กีฬา กทม. ต้องสนับสนุน และให้ชุมชนร่วมกันดูแล

.

สำหรับประเด็น city run นั้น ชัชชาติกล่าวว่า “ผมก็ city run ทุกวันในช่วงหาเสียง มันทำให้เราเห็นชีวิตคน เห็นทางเท้าที่มีปัญหา เรามีนโยบาย bangkok trail 500 กม. ทำทางวิ่งที่ดี 500 กิโลเมตร เขตละ 10 กิโลแล้วให้เชื่อมโยงกัน ปรับทางให้มันเรียบ มีมาตรฐาน มีห้องน้ำสาธารณะตามเส้นทาง กรุงเทพฯ จะมีทางเท้าดีขึ้น วิ่งได้ก็เดินได้ ”

.

[ ความหลากหลายทางเพศ: เมืองไม่ได้มีแค่ 0 กับ 1 แต่มี spectrum มีเฉดสีที่ต่างกัน]

.

ความหลากหลายทางเพศต้องเริ่มจากความเข้าใจ ในหลายๆ มิติ เรามองเมืองเป็น binary เป็น 0 กับ 1 มีชาย-หญิง มีขาว-ดำ มีเหลือง-แดง แต่ชีวิตจริงไม่ได้มีแค่ 0 กับ 1 แต่มี spectrum มีเฉดสีที่ต่างกัน ถ้าเรายอมรับตรงนี้ได้ ความขัดแย้งหลายๆ อย่างจะดีขึ้น

.

เรื่องนี้ กทม. ต้องเริ่มจากตัวเอง ยอมรับความหลากหลายทางเพศของลูกจ้าง กทม. 80,000 คน และต้องเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ให้บริการ ให้คำแนะนำเขาได้ หลักสูตรในโรงเรียน ต้องเริ่มพูดถึง ทำความเข้าใจ ถ้าเด็กยอมรับความแตกต่างได้ตั้งแต่เด็ก ก็จะยอมรับความแตกต่างอีกหลายอย่างในสังคมได้ดีขึ้น

.

นอกจากนี้ เรายังมีที่เกี่ยวข้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ทำ 50 ย่าน 50 อัตลักษณ์ อาจจะมีย่านที่รวมคนที่มีความหลากหลายทางเพศ มีเทศกาลประจำปี ให้หนึ่งเดือนเป็น pride month ติดธงสีรุ้งที่ศาลาว่าการฯ ให้ชัดว่า เรายอมรับคนที่มีความหลากหลายทางเพศ และดูแลในฐานะส่วนหนึ่งของสังคม ไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ

.

[ แก้ไขจุดเสี่ยงทางม้าลาย ต้องทำให้ได้ใน 1 ปีแรก ]

.

ทางม้าลายเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีมาตรฐานว่าต้องทำอะไรบ้าง ขีดสีตีเส้นให้ชัด ดูว่าตรงไหนต้องมีสัญญาณไฟ ต้องดู risk map ว่าตรงไหนมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยแล้วเริ่มแก้ไขจากจุดนั้นก่อน จุดเสี่ยงทั้งหมดต้องทำให้ได้ใน 1 ปีแรก และต้องทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย ทั้งเรื่องการจำกัดความเร็ว ต้องดูในภาพรวมทั้งระบบ ทางม้าลายเป็นส่วนหนึ่งของความปลอดภัย ผู้ว่าฯ เป็นผู้รับผิดชอบ 100%