“กัญชา” อนาคตไทย! ปลูก 1 ต้น ถูกจับนอนคุก - ตำรวจไม่ให้ประกันตัว 

- ท่ามกลางการประกาศเดินหน้านโยบายกัญชาอนาคตไทย โดยล่าสุดในการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 5 เมื่อวันเสาร์ที่ 19 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา 'นายอนุทิน ชาญวีรกูล' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยว่ากำลังเร่งให้ความรู้กับประชาชน เพราะในอนาคตกัญชา จะเป็นช่องทางในการหารายได้ ทั้งทางหลักหรือทางเลือก เพราะสามารถนำไปแปรรูปได้อย่างมากมาย
.
▪️ ปลดล็อกจากบัญชียาเสพ แต่ประชาชนยังปลูก “กัญชา” ไม่ได้!
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ปัจจุบัน “กัญชา” ปลดล็อกจากการเป็นยาเสพติด ประเภท 5 แล้ว แต่ประชาชนทั่วไปยังสามารถปลูกกัญชาได้ เนื่องจากกฎหมายยังไม่อนุญาต ยกเว้นการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม หรือสหกรณ์การเกษตร โดยร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท แต่หากเป็นการกระทำเพื่อจำหน่าย โทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี - 15 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000 - 1,500,000 บาท
.
อย่างไรก็ตาม กรณีตำรวจ สภ.อุบลรัตน์ จ. ขอนแก่น จับนางนาง อายุ 70 ปี และนางบุญเส็ง อายุ 48 ปี เนื่องจากปลูกกัญชาบริเวณหน้าบ้านคนละ 1 ต้น สูงประมาณ 140 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 300 กรัม ในข้อหาผลิต (ปลูก) และมียาเสพติดให้โทษประเภท (กัญชาสด) ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ ในการอนุญาตให้ปลูกหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการบำบัดรักษา โดยทั้งสองถูกคุมขังในคุก 1 คืน และอนุญาตให้ประกันตัวในวันรุ่งขึ้น วงเงินคนละ 10,000 บาท กำลังเป็นประเด็นร้อนที่สังคมพากันวิจารณ์ การใช้อำนาจทางกฎหมายของเจ้าหน้าที่ 
.
▪️ยายวัย 70 ปี ร้องขอความเป็นธรรม เหตุปลูกกัญชา 1 ต้น ถูกจับนอนคุก
.
นางนาง เล่าว่าในวันที่ถูกจับไปโรงพัก ตำรวจแจ้งสาเหตุว่าปลูกกัญชาเป็นยาเสพติดเลยไม่ให้ประกันตัว จึงแย้งว่ามีแค่คนละต้น ปลูกไว้เพื่อต้มกินทำการรักษาโรค เมื่อตำรวจไม่ให้ประกันตัว ลูกชายที่เป็นทนายความจึงขอคุยกับร้อยเวรฯ ได้รับคำยืนยันว่าไม่ให้ประกัน และไม่ตอบคำถามว่าต้องการทุนประกันเท่าใด จนต้องนอนในคุก 1 คืน รุ่งขึ้นพนักงานสอบสวนกลับมาถามว่า ยายจะประกันตัวในวงเงินใช่ไหม จึงถามกลับไปว่าแล้วทำไม ไม่พูดว่าจะให้ประกันตั้งแต่เมื่อวาน ตำรวจจึงได้นำตัวออกมาบันทึกข้อความ พร้อมกับประกันตัวคนละ 10,000 บาท เท่ากับว่าตนและเพื่อนเสียอิสรภาพเป็นเวลา 24 ชั่วโมง จึงต้องการขอความเป็นธรรมจากผู้เกี่ยวข้อง
.
หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ สำนักข่าวมติชนรายงานว่า ‘พันโทประสาร แสงสว่าง’ ประธานผู้สมัครอีสานตอนบนพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย ‘ร.ต.อ.ประภาส น้อยเลาหะกุล’ สมาชิกพรรค ได้เข้าไปดูแลให้กำลังใจ พร้อมให้การช่วยเหลือในเรื่องคดี ตามคำสั่งการของ ‘พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมีเวช’ หัวหน้าพรรค เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ต้องหา ไม่ได้ส่อไปในทางทำเพื่อการค้า เป็นเพียงเพื่อการบำบัดรักษาโรค