พ่อชาวเมียนมา พาลูกสาววัย 13 แจ้งความ หลังถูกหลอกไปทำงานแม่บ้าน แต่กลับถูกพาเข้าม่านรูด

พ่อชาวเมียนมา พาลูกสาววัย 13 แจ้งความ ถูกหลอกไปทำงานแม่บ้าน

พ่อชาวเมียนมา พาลูกสาววัย 13 แจ้งความ หลังถูกหลอกไปทำงานแม่บ้าน แต่กลับถูกพาเข้าม่านรูด





ad1

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายเค (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา กรณีที่ลูกสาวของตน ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี มีนายหน้าหางานทางเฟซบุ๊กติดต่อมาให้ไปทำงานแม่บ้าน หลังหานายจ้างได้แล้ว แต่กลับถูกนายจ้างพาเข้าโรงแรมม่านรูดหวังจะข่มขืน แต่ไม่สำเร็จทำได้แค่ให้ลูกสาวตนใช้มือช่วยจนสำเร็จความใคร่ก่อนจะพามาปล่อยทิ้งไว้หน้าห้างโลตัส

นายเค เล่าว่า เหตุการณ์เกิดตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.45 น.ลูกสาวของตนจะออกไปทำงานแม่บ้านตามที่มีนายหน้าหางานแนะนำให้ ว่ามีคนกำลังหาแม่บ้านอายุประมาณ 15-20 ปี ซึ่งตนก็ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายหน้าหางานคนนี้ เพราะตนติดต่อผ่านทางเฟซบุ๊ก ต่อมานายหน้าหางานก็ได้ติดต่อผ่านทางแช็ตว่าสนใจงานแม่บ้านไหม โดยให้ส่งรูปและรายละเอียดต่างๆ ให้นายจ้างดูก่อน จากนั้นทางนายจ้างจึงได้ตกลงจะรับลูกสาวตนเข้าทำงาน และได้คุยกันผ่านทางแช็ตกับนายหน้าหางาน และให้ลูกสาวตนไปพบกับนายจ้าง ตามที่นายจ้างปักหมุดมาให้ ซึ่งเป็นบริเวณหน้าห้างแห่งหนึ่ง

พอลูกสาวตนไปถึงนายจ้างก็รับขึ้นรถแต่ไม่ได้พาไปทำงาน กลับขับรถพาลูกสาวตนเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งในย่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จากนั้นจะข่มขืนลูกสาวแต่ลูกสาวตนร้องไห้ไม่ยอม นายจ้างจึงบังคับให้ลูกสาวตนให้ใช้มือช่วยจนสำเร็จความใคร่ หลังจากเสร็จกิจแล้วจึงพาลูกสาวของตนเอามาปล่อยไว้ที่หน้าโลตัสใกล้ๆโรงแรม และพูดข่มขู่ว่าถึงจะร้องไห้ไปก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก และยังได้ถามลูกสาวตนว่ามีเงินติดตัวเท่าไร ด้วยความที่ลูกสาวตนเป็นเด็กและกำลังกลัวจึงบอกไปว่ามีอยู่ 1,000 บาท คนร้ายจึงเอาเงินทั้งหมดไป ปล่อยให้ลูกของตนยืนอยู่ลำพัง

ต่อมามีแท็กซี่ที่ขับรถผ่านมาเห็นลูกของตนกำลังร้องไห้จึงเข้าให้ความช่วยเหลือและพามาส่งที่บ้าน เมื่อมาถึงบ้านตนเห็นลูกร้องไห้จึงได้สอบถาม และรู้ความจริงว่าลูกสาวตนไปโดนอะไรมา  ตอนนั้นตนรู้สึกเสียใจทำอะไรไม่ถูกไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวของตน หลังจากสอบถามลูกสาวตนก็พาลูกมาแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง เพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามคนที่ทำกับลูกสาวตนมาดำเนินคดี และคิดว่าหากไม่สามารถจับคนร้ายได้ก็จะพาลูกสาวไปขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา เพราะตนคิดว่าตนเป็นชาวเมียนมาอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม.