ครบ7วันญาติยังคงสงสัยน้องชายถูกวิสามัญเหตุปะทะเดือดทุ่งยางแดง

ครบ7วันญาติยังคงสงสัยน้องชายถูกวิสามัญเหตุปะทะเดือดทุ่งยางแดง





ad1

ปัตตานี - ครบ7วันแล้วญาติยังคงสงสัยการวิสามัญน้องชายกรณีเหตุปะทะเดือดที่ทุ่งยางแดง หลังจากพบพิรุธที่ยังไม่สามารถคลี่คลายจนกลายเป็นปมปริศนาของการวิสามัญด้านเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์ยันเกิดเหตุปะทะจริง

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุวิสามัญคนร้าย 2 ศพ ที่บ้านเขาดิน ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่สนธิกำลังสามฝ่ายจำนวนหลายร้อยนายพร้อมอาวุธครบมือเข้าปิดล้อมบ้านเป้าหมายบ้านเขาดิน ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามการเคลื่อนไหวในพื้นที่ด้วยเครื่องมือพิเศษจากสัญญาณโทรศัพท์จึงได้มีการประสานกำลังเข้าทำการปิดล้อมในเวลาเที่ยงของวันศุกร์ที่24ธันวาคม64 ที่ผ่านมา จนกระทั่งเวลา17.00น.เศษของวันเดียวกันได้เกิดเหตุปะทะกันขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่กับคนร้ายที่หลบซ่อนภายในบ้านหลังดังกล่าว โดยเจ้าหน้าอ้างว่าคนร้ายได้พยายามใช้อาวุธปืนยิงก่อนเพื่อเปิดทางหลบหนี จากนั้นจึงได้มีเสียงดังขึ้นเป็นระยะๆพร้อมเสียงคล้ายดังขึ้นเป็นระยะๆเช่นกันเสียงดังไปไกลหลายกิโลเมตร สร้างความตกใจให้กับเด็กและผู้สูงอายุที่พักอาศัยบ้านเรือนในบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนกระทั่งเวลาสามทุ่มเศษเสียงปืนและเสียงระเบิดเริ่มสงบลง 

ภายหลังเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณนอกบ้าน ทราบชื่อคือนายอาดือนันท์ ซือรี อายุ28 ปี มีภูมิลำเนา186/1 ม.2 ต.มายอ อ.มายอ และนายซาการียา ยูโซะ มีภูมิลำเนา 109/2 ม.3 ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จึงได้ประสานไปยังญาติให้มารับศพที่โรงพยาบาลมายอ จนกระทั่งเมื่อเวลา 03.00-04.00 น. ได้มีญาติมาติดต่อขอรับศพ ผู้ก่อการร้าย ที่เสียชีวิตจากการปะทะ ที่ โรงพยาบาลทุ่งยางแดง จำนวน 2 ราย คือ นายอาดือนันท์ ซือรี  ภูมิลำเนา186/1 ม.2 ต.มายอ อ.มายอ จ.ปัตจานี  ได้มี น.ส.ฮาซามี ซือรี เกี่ยวข้องเป็นหลาน อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา 186/1 ม.2 ต.มายอ อ.มายอ  และ น.ส.เจะไยนุง ซือรี เกี่ยวข้องเป็นพี่สาว ภูมิลำเนา 186/1 ม.2 ต.มายอ อ.มายอ เดินทางมารับศพ พร้อมด้วยกลุ่มเครือญาติ จำนวน 4 คน


       
ส่วนศพนายซาการียา ยูโซะ  ภูมิลำเนา 109/2 ม.3 ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง ได้มี นายมะยะโกะ ยูโซะ เกี่ยวข้องเป็นบิดา  ภูมิลำเนา 27 ม.4 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง และ น.ส.อามีเนาะ ยูโซะ เกี่ยวข้องเป็นพี่สาว ภูมิลำเนา 27 ม.4 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง เดินทางมารับศพ  พร้อมด้วยกลุ่มบุคคล ส่วนมากเป็นวัยรุ่น ประมาณ 40 คน     ทั้งนี้ญาติได้ติดต่อขอรับศพ จาก พ.ต.ท.นริศ กาเจ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ทุ่งยางแดง เมื่อญาติได้ยืนยันจึงได้มอบศพทั้งสองเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ส่วนบรรยากาศที่บ้านผู้ตายได้มีญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวอย่างไม่ขาดสายตลอดทั้งสัปดาห์

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บ้านตึกขาวชั้นเดียวซอย10 เขตเทศบาลตำบลมายอ ติดกับถนนทางหลวงสายมายอ-ทุ่งยางแดง ซึ่งเป็นบ้านของนายอาดือนันท์ ซือรี  ได้มีญาติและประชาชนจากหลายพื้นที่เดินทางเข้ามาเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจ ทีมข่าวได้โอกาศเข้ามาพูดคุยกับญาติเพื่อสอบถามความเป็นมาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนายอาดือนันท์ ซือรี  ญาติจึงได้เล่าให้ทีมข่าวทราบพร้อมคำภามที่แฝงมาตลอดว่า”ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงต้องการจับตัวน้องชาย เขามีความผิดอะไร เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานอะไรที่สามารถยืนยันว่าน้องชายกระทำผิดจริง เพราะตลอดในห้วงมี่ผ่านมาน้องชายถามตลอดว่าเขาทำผิดอะไร ถ้ามอบตัวใครจะรับรองความปลอดภัยให้กับเขา ไม่ใช่ปล่อยให้เขาอยู่ที่ค่ายทหารตามลำพังเขาไม่เอาด้วย จนกระทั่งเป็นศพ”


ญาติได้เผยกับทีมข่าวว่านายอาดือนันท์ ซือรี มีพี่น้องพ่อแม่เดียวกันถึง 10 คน เสียชีวิตช่วงทารกหนึ่งคนจึงเหลือพี่น้องที่เติบโตด้วยกันปัจจุบัน เก้าคน ในบรรดาพี่น้องทั้งเก้าคนมีผู้ชายเพียง2คน นอกนั้นเป็นผู้หญิงหมดเลย นายอาดือนันฯ ได้รับการศึกษาทางศาสนาชั้น10 สามัญชั้นมัธยม 6 ที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่อำเภอมายอ หลังจากจบเรียนแล้วนายอาดือนันท์ฯก็กลับมาอยู่กับพ่อแม่ คอยช่วยเหลืองานครอบครัวดูแลสวนผลไม้ สวนยางของครอบครัว ทำให้ทุกคนในบ้านหายหวงที่เดียว ทั้งชีวิตของนายอาดือนันท์ฯไม่เคยเที่ยวเตร่ ไม่เคยออกนอกบ้านค้างแรมนอกบ้าน จะกลับมาบ้านทุกวัน หลังเสร็จงานบ้านก็มักจะไปร้านน้ำชาในหมู่บ้าน เพื่อสร้างสรรค์กับเพื่อนบ้าน ตามประสาผู้ชายถือเป็นเรื่องปกติ ชอบช่วยเหลือสังคมโดยเฉพาะกิจกรรมต่างๆในหมู่บ้านมักจะมีนายอาดือนันท์ฯเข้าร่วมเสมอ คอยทำหน้าที่ครูสอนเด็กตาดีกา สม่ำเสมอเมื่อมีครูขาด จนเป็นที่รักใคร่ของคนในหมู่บ้าน เมื่อรับรู้ว่าอาดือนันท์ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญต่างก็ร้องไห้

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านนายนอาดือนันท์ฯกลับต้องมาดูแลแม่ที่ล้มป่วยหนักทุกคนในบ้านต้องผลัดเข้าเวรดูแลแม่เพราะทุกคนมีภาระต้องดูแลครอบครัวตัวเอง จึงจัดตารางผลัดเปลี่ยนเวรเข้ามาดูแลแม่ ทำให้คลอดทั้งปีที่ผ่านมานายอาดือนันท์ฯไม่ได้ออกไปไหนเลยจนแม่นั้นเสียชีวิต

หลังจากแม่เสียชีวิตครบรอบ 40 วันทางญาติพี่น้องได้จัดงานบุญ หลังจากงานบุญแม่เสร็จได้มีกำลังจ้าหน้าที่นับร้อยเข้ามาปิดล้อมบ้าน เพื่อเข้ามาจับกุมนายอาดือนันท์ฯในฐานะผู้ต้องสงสัย แต่อาดือนันท์ ไม่ได้อยู่ในบ้านออกไปร้านน้ำชา ญาติพยายามถามเจ้าหน้าที่ว่าอาดือนันท์ทำผิดอะไร ก็บอกเพียงว่าเป็นผู้ต้องสงสัย และเข้ามาเรื่อย ๆเฉพาะเดือนพฤษจิกายน64ถูกปิดล้อมกว่า20ครั้ง ญาติเองก็บอกไม่ได้เพราะไม่ได้ติดต่อกันนานหลังจากวันแรกที่เจ้าหน้าที่มีการปิดล้อมไม่รู้ชะตากรรมว่าเขาไปอยู่ไหนกับใครนานถึงหกเดือนจนกระทั่งกลายเป็นศพ

ช่วงแรกพอติดต่อได้บ้าง”เขาถามว่าทำไมที่บ้านมีเจ้าหน้าที่เยอะแยะไปหมด ญาติจคงตอบว่าจะมาจับมึง อ้าว...จะมาจับกู กูทำผิดอะไร ทำไมถึงจะมาจับกู” จากนั้นญาติได้พยายามติดต่อให้มามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิใจ”เขาตามว่าเมื่อเขามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ มีใครจะรับประกันในความปลอดภัย แล้วเมื่อเขาถูกส่งตัวที่ค่ายทหารเขาสามารถทางกลับพร้อมกับญาติคนอื่นไหม” เมื่อญาติไม่สามารถตอบคำถามและยืนยันในความปลอดภัยได้เขาก็เลยขาดกันติดต่อกลับมาเลย


นอกจากนั้นญาติได้นำภาพถ่ายศพของน้องชายที่สภาพที่หดหู่มากเนื่องจากที่คอนอกจากรอยกระสุนปืนที่ยิงตรงเข้ากลางหลอดลมแล้วยังมีรอยปาดคอแนวขวางด้านซ้าย ซึ่งตรงกับใบชันสูตรศพ แพทย์ระบุว่า”บาดเจ็บที่คอและหลอดลมถูกอาวุธปืน” นอกจากนั้นพบว่าศพอยู่ในสภาพที่ยกมือทั้งสองข้างบังศีรษะ เหมือนขอชีวิตหรือปิดบังศีรษะจากคมกระสุนของเจ้าหน้าที่ นอกจากนั้นยังพบร่องรอยเท้าบูททหารกลางท้องของผู้ตาย ทำให้ญาติกลับสงสัยว่า”น้องชายมีการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่นั้นจริงหรือไม่ทำไมต้องตายในสภาพเช่นนั้น นอกจากนั้นบาดแผลที่คอมีเลือดไหลยังคงไม่หยุดสนิท จึงทำให้อดสงสัยว่าน้องชายอาตถูกเชือดขณะยังมีชีวิตอยู่ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบสวนข้อเท็จจริง และออกมาชี้แจงความจริง

ด้าน พ.ต.ท.นริศ กาเจ รองผกก.สภ.ทุ่งยางแดง ได้เผยนาที่ปิดล้อมว่าจากเหตุปะทะทุ่งยางแดงนั้นเป็นเรื่องจริงที่เจ้าหน้าที่ได้พยายามปฏิบัติการจากเบา ไปหนัก 

โดยมีการเรียกให้ออกมามอบตัว มีทั้งผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา แต่ไม่เป็นผล ล่วงเลยเวลาประมาณ 4ทุ่ม เจ้าหน้าที่ชุดเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุได้โล้ขนาดใหญ่เข้าไปประชิดตัวคนร้ายในบ้านแต่กลับถูกคนร้ายกระหน่ำยิงทำให้กระสุนเข้าที่โล้กำบัง2นัด และเฉียดเข้าซีข้างเจ้าหน้าที่ จึงได้มีการยิงตอบโต้ จนกระทั่งเสียงปืนสงบไม่มีการตอบโต้ แต่ไม่เห็นคนร้ายว่าเป็นรือตาย เพราะมืดสนิท แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเสียชีวิตแล้วเพราะไม่มีเสียงตอบโต้ใดๆกลับมา จึงเดินออกมาข้างนอก และได้ประสานเจ้าหน้าอัยการ แพทย์ เพื่อร่วมกันชันสูตรพลิกศพ จากนั้นไม่นานได้เกิดเหตุคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อเปิดทางหลบหนีโดยกระโดดออกทางหน้าต่าง แล้วไปหลบบริเวณแท่งปูนบ่อน้ำในโรงยางพาราหลังบ้านเกิดเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถใช้อาวุธปืนใส่คนร้ายได้เพราะบังแท่งปูนดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงใช้ลูกระเบิดขว้างใส่ จนสามารถสังหาญคนร้ายได้สำเร็จ ถึงแม้คนร้ายทั้งสองไม่มีหมายจับ ปวิอาญา มีแค่หมาย พรก. แต่แนวทางสืบสวนเจ้าหน้าที่ทราบดีว่าคนทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกับคดีในพื้นที่หลายคดี เช่นกรณีเผากล้องวงจรปิด คดียิงลูกข้าง อบต.บ้านน้ำดำ เมื่อปี พศ.2563 ที่ร้านน้ำชา เนื่องจากพบอาวุธปืนสมีธขนาด 357มม.ข้างศพของนายซาการียา ยูโซะ ซึ่งเป็นอาวุธปืนตรงกับของแบลี ลูกจ้าง อบต.น้ำดำ ส่วนอาวุธปืนขนาด 9 มม.ยีห้อนอริโก้อยู่ข้างกายมือซ้ายนายอาดือนัน ซือรี ซึ่งเป็นอาวุธปืนของผู้ช่วยผู้ใหญ่ที่ถูกยิงเสียชีวิตพร้อมกับพ่อตาในพื้นที่ ต.กระหวะมายอ เมื่อปี 2561มาก่อนหน้านี้ 

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังตรวจพบกระสุนปืนจำนวนนับร้อยนัดภายในกระเป่าเป้ของผู้ตายพร้อมเวชภัณฑ์ยาต่างๆสามารถใช้ได้เป็นปี มีทั้งเป้สนามครบชุดคาดว่าคนร้ายอาจเตรียมหลบหนีเข้าป่าแต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมซะก่อน


ภายหลังเกิดเหตุเพียงสองวันเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟจอดทิ้งไว้บริเวณ4แยกบ้านปากู ซึ่งหาฝ่างจากจุดเกิดเหตุปะทะย้านเขาดินเพียง4กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังเข้าไปตรวจสอบพบว่าเป็นรถของนายอาดือนัน ซือรี ที่เสียชีวิตจากเหตุยิงปะทะที่บ้านเขาดิน เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดรถคันดังกล่าวเพื่อตรวจสอบตามรูปคดีว่าเคยใช้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ไหนบ้าง