นายอำเภออุทุมพรพิสัยนำคณะลงพื้นที่ตรวจโครงการแก้มลิง

นายอำเภออุทุมพรพิสัยนำคณะลงพื้นที่ตรวจโครงการแก้มลิง





ad1

ศรีสะเกษ-นายอำเภออุทุมพรพิสัย พร้อมกำลังฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นร่วมตรวจสอบโครงการก่อสร้างแก้มลิงห้วยแคนพร้อมอาคารซึ่งเป็นความรับผิดชอบว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

เมื่อ2มิย.65เวลา10.00น.นายศราวุธ  ทรงโฉม นายอำเภออุทุมพรพิสัย พร้อมกำลังฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.อุทุมพรพิสัย และ นายฉัตรชยวงศ์ ชูเลิศประธานเครือข่ายเฝ้าระวังทุจริตภูมิภาคและท้องถิ่น นายสุริยัน ธานีหงส์ ผู้ใหญ่บ้านซำ พร้อมแกนนำหมู่บ้านตำบลรังแร้ง มีนายประจวบ  แก่นทิพย์  อดีตกำนันตำบลรังแร้ง นายวิจิตร ศรีกุล อดีต สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลรังแร้งตำแหน่ง ผ.ร.ส รักษาความสงบภายในหมู่บ้าน นายศักดิ์สรร  ศรีภัยอดีตสมาชิกส. อบตตำบลรังแร้ง นายสุรเดช นาจำปา อดีตผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบลรังแร้งลงพื้นร่วมตรวจสอบโครงการก่อสร้างแก้มลิงห้วยแคนพร้อมอาคาร

ซึ่งเป็นความรับผิดชอบโครงการโดยสำนักงานชลประทานจังหวัดศรีสะเกษเนื่องจากได้รับแจ้งชาวบ้านตำบลรังแร้งว่าได้เห็นป้ายโครงการชลประทานจังหวัดศรีสะเกษจัดทำโครงการขุดหลอกหนองน้ำ(ห้วยแคน)ว่าน่าจะผิดกฎหมายป่าไม้หรือไม่และรวมกฎหมายอื่นๆด้วย

หลังรับแจ้ง นาย ศราวุธ ทรงโฉม นายอำเภอ อุทุมพรพิสัย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อุทุมพรพิสัยจังหวัดศรีสะเกษและเจ้าที่ ที่ เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งข่าวจากประชาชนพบว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีป้ายโครงการของสำนักงานชลประทานจังหวัดศรีสะเกษปักอยู่ริมหนองน้ำชื่อโครงการก่อสร้างแก้มลิงห้วยแคนด้วยงบประมาณเกลือบ20ล้านบาทรายเอียดของดำเนินการโครงการต้องขุดดินออกจำนวน1.2ล้านลูกบาทเมตร(1.2ล้านคิว)และรายละเอียดบริษัทผู้รับจ้างและผู้ควบคุมงานของชลประทาน ต

ามที่ได้รับแจ้งจริงจึงร่วมกันทำการตรวจสอบโครงการซึ่งในบริเวณที่ทำการตรวจสอบนั้นพบหนองน้ำขนาดใหญ่มีคนงานและ รถแบคโฮหลายคัน แทรกเตอร์รวมทั้งรถสิบล้อที่กำลังทำงานขุดตักดินและบรรทุกดิน มีนายช่างขอกรมชลประทานเป็นผู้ควบคุมงานพร้อมกับบริษัทผู้รับจ้างและได้สอบถามความเป็นมาของโครงการต่อนายช่างผู้ควบคุมงานว่าได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่การขุดลอกแหล่งน้ำตื้นเขินตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยปี 47 หรือไม่อย่างไรและได้ขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าโนนทราย(ห้วยแคน)หรือไม่เพราะพื้นที่ดำเนินโครงการมีจำนวน 305 ไร่นั้นอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าโนนทรายและจะต้องได้รับอนุญาตในการขอใช้พื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ

และคณะกรรมการกระทรวทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสียก่อน ซึ่งปรากฎว่าทางช่างผู้ควบคุมโครงการและผู้รับจ้างไม่สามารถมีหรือแสดงใบอนุญาตในการขอใช้พื้นทีดินต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ นายศราวุธ ทรงโฉมนายอำเภออุทุมพรพิสัยจังหวัดศรีสะเกษซึ่งมีอำจนาจหน้าที่ดูแลที่ดินสาธารณะประโยนช์จึงได้มีคำสั้งให้หยุดและระงับโครงการไว้ก่อนและให้แก้ไขให้ถูกต้องตามระเบียบข้อกฎหมายเหตุเพราะยังไม่ได้ขอใช้พื้นที่แต่เข้าไปดำเนินการก่อนแล้วซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พรบ.ป่าไม้ และพรบ.ที่ดินและกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง