"บิ๊กตู่"สั่งฟันตร.ยศนายพล เอี่ยวเว็บไซค์พนันออนไลน์-"มท."เอาผิดมูลนิธิเป็นต่อฯ

"บิ๊กตู่"สั่งฟันตร.ยศนายพล เอี่ยวเว็บไซค์พนันออนไลน์-"มท."เอาผิดมูลนิธิเป็นต่อฯ





ad1

นายกฯ สั่งสอบ ตำรวจยศนายพล โยงเว็บพนันออนไลน์ ปลัดมหาดไทย สั่งการ กรมการปกครอง แจ้งความเอาผิด มูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป เหตุไม่ได้จัดตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พ่วงผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ชง ดีอีเอส ลุยสอบเว็บไซต์ต่อด้วย ล้อมคอกสั่งผู้ว่าฯทุกจังหวัด-นายอำเภอ ปูพรมสอบมูลนิธิทุกแห่ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีมี ตำรวจระดับนายพล เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ ว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน ตนได้เน้นย้ำไปแล้วว่าหากมีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องก็ให้ลงโทษเท่านั้นเอง เราก็ต้องทำแบบนี้ มีกฎหมายอยู่แล้วนี่ ที่ผ่านมาจะปกปิดอะไรกันอย่างไรตนไม่ทราบ ในเมื่อมีการแจ้งเบาะแสจากประชาชน ก็ต้องขอบคุณก็แล้วกัน
        
ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมการปกครอง ดำเนินการตรวจสอบกรณีมีการใช้ชื่อระบุว่า "มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป" ซึ่งพบว่าไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้น วันนี้ได้มอบหมายให้พนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิ ไปแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของมูลนิธิเป็นต่อ หลังพบว่า ไม่ได้มีการจดแจ้งขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ
 
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนในชื่อของมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ใน 3 ความผิดฐาน คือ1. ผิด พระราชบัญญัติกำหนด ความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 ที่ได้ใช้คำว่า มูลนิธิ ประกอบกับชื่อในดวงตราและเอกสารอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดยไม่ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ 2. ผิดพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 มาตร 8 ประกอบมาตรา 17

 3. ผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ได้กำชับให้กรมการปกครองได้บูรณาการประสานงานการทำงานร่วมกับกองบังคับการปราบปรามอย่างใกล้ชิด เพื่อทำการสอบสวนขยายผลต่อไป
 
นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนได้ลงนามหนังสือถึงปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DEs) ภายหลังกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ https:/www.pentorfoundation.com ซึ่งการกระทำของบุคคลที่แอบอ้างใช้คำว่า "มูลนิธิ" ผ่านเว็บไชต์ดังกล่าวข้างต้น อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายและเป็นการกระทำที่อาจทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ากิจการนั้นเป็นมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อาจเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 เพื่อกระทรวง DEs พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
 
กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดกำชับนายอำเภอทุกอำเภอตรวจสอบการดำเนินงานของมูลนิธิต่าง ๆ ที่อาจเกี่ยวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายว่ามีการขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินกิจการของมูลนิธิที่ได้มีการก่อตั้งแล้ว หากพบความผิดปกติทางการเงิน หรือไม่ได้มีกิจกรรม หรือมีการดำเนินการที่เข้าข่ายความผิด ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ปลัด มท. กล่าวในช่วงท้าย

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป คือหนึ่งในเครือข่าย "เป็นต่อ กรุ๊ป" ที่มี "เป็นต่อ กรุ๊ป โฮลดิ้ง" เป็นบริษัทแม่ดำเนินธุรกิจหลายอย่าง โดยมี "สารวัตรซัว" หรือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล เป็นเจ้าของ บริหารผ่าน 3 คีย์แมนสำคัญคือ นายธีรพงศ์ ทองสุวรรณ นายอุกฤษฎ์ สิทธิสังข์ และนายอดิสรณ์ กฤษวงศ์