ม.หาดใหญ่ เผยผลสำรวจประชาชนชาวใต้อยากให้รัฐบาลใหม่ ปฎิรูปพลังงาน

ม.หาดใหญ่ เผยผลสำรวจประชาชนชาวใต้อยากให้รัฐบาลใหม่ ปฎิรูปพลังงาน





ad1

ม.หาดใหญ่ เผยผลสำรวจประชาชนชาวใต้อยากให้รัฐบาลใหม่ ปฎิรูปพลังงาน แก้ไขกฎหมาย และเรื่องปากท้อง ปฎิรูปยกเลิกผู้กขาดพลังงานเพราะ “ตัวแปร” สำคัญสุด เรื่องแรงงานค่อยเป็นค่อยไป ผู้สูงวัยต้องการบำนาญ

ผศ.ดร.วิวัฒน์  จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมเดือนพฤษภาคม (46.40) ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2566 (45.80) และเดือนมีนาคม 2566 (45.10)

โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในครอบครัว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การแก้ปัญหายาเสพติด และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

ปัจจัยบวกที่สำคัญ คือแรงสนับสนุนสำคัญจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีขึ้น สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.7% ปัจจัยสำคัญมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน

นอกจากนี้ การลงทุนและภาคการผลิตรวมถึงการส่งออกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อมีการขยายตัวที่ลดลง เนื่องจากราคาพลังงานที่มีแนวโน้มชะลอตัว

แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศมีทิศทางดีขึ้น แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นความเสี่ยงต่อทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้การรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลและการโหวตนายกรัฐมนตรียังมีความไม่แน่นอนสูง ประกอบกับมีข่าวการเจรจาต่อรองทางการเมืองที่อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้วในการจัดตั้งรัฐบาล จึงทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และยังไม่ตัดสินใจลงทุนทางธุรกิจจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มีความชัดเจน

อย่างไรก็ตามนักลงทุนและภาคธุรกิจมองว่าการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะไม่กระทบต่อทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แต่หากการจัดตั้งรัฐบาลมีความล่าช้าและยืดเยื้อออกไป ย่อมส่งผลต่อการประกาศใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจของภาครัฐล่าช้าไปด้วย

โดยคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2567 อันจะสามารถผลักดันนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามที่ได้หาเสียงไว้

นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่รอที่จะเห็นโฉมหน้าของรัฐบาลใหม่และนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่าง ๆ นอกจากนี้ยังคาดหวังต่อการดำเนินงานของรัฐบาลใหม่ตามนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้

“โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนเกี่ยวกับความเป็นอยู่และปากท้อง ประชาชนหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะมีความชัดเจนในวันเวลาอันใกล้นี้ โดยเฝ้ารอการแถลงนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่”

จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความคาดหวังและความต้องการต่อนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม มีดังนี้

1. รัฐบาลใหม่ควรให้ความสำคัญในการเร่งดำเนินงานขับเคลื่อนโยบายเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามที่ได้หาเสียงไว้ มากกว่าการให้ความสำคัญกับการแก้ไขกฎหมายที่ไม่เกี่ยวกับความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชน

2. การปรับค่าแรงขั้นต่ำจะทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับขึ้นตามไปด้วย อันจะส่งกระทบต่อค่าครองชีพโดยภาพรวม ดังนั้นควรปรับค่าแรงขั้นต่ำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อภาคธุรกิจ รวมถึงไม่ให้เกิดผลกระทบต่อค่าครองชีพ

3. ต้องการให้รัฐบาลใหม่ปฏิรูปพลังงานให้เกิดความยั่งยืน โดยยกเลิกการผูกขาดด้านพลังงาน และควบคุมราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะราคาพลังงานเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น

4. ผู้สูงวัยต้องการให้รัฐบาลใหม่สร้างความเท่าเทียมระหว่างบำนาญประชาชนกับบำนาญข้าราชการ เนื่องจากประชาชนที่ไม่ใช่ข้าราชการมองว่า เขาก็ทำงานให้กับประเทศเช่นเดียวกัน

ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่าส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 35.60 และ 36.50 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นคิดเป็น ร้อยละ 35.40 และ 37.10 ตามลำดับ

ส่วนความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 33.50 34.50 และ 34.80 ตามลำดับ

รายงงาน ยัง ระบุอีกว่า สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบและต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ 1) การช่วยลดค่าไฟฟ้าและค่าพลังงาน 2)  การเพิ่มค่าแรงให้กับผู้ที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง 3) การเพิ่มเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ และ 4)  การจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการพนันออนไลน์.