เผาศพแล้ว! "พ่อ-ลูก"ผูกคอตายหนีความจน อึ้ง "น้องข้าว" ทำประกัน แม่ได้ผลประโยชน์

เผาศพแล้ว! "พ่อ-ลูก"ผูกคอตายหนีความจน อึ้ง "น้องข้าว" ทำประกัน แม่ได้ผลประโยชน์





ad1

บุรีรัมย์-ฌาปนกิจแล้ว 2 พ่อ-ลูก ผูกคอตายหนีความจน เผยน้องข้าว 10 ขวบแต่กตัญญูทำประกันอุบัติเหตุให้แม่เป็นคนรับผลประโยชน์ 1 แสนบาท แต่ยังไร้เงาไม่มางานศพลูกพร้อมบล็อกเบอร์โทร เฟซบุ๊กติดต่อไม่ได้ ย่าน้องข้าวฝากถึงแม่ ให้มาเดินเอกสารรับผลประโยชน์เพื่อเอาเงินมาทำบุญ ครูเผยสงสารเด็กได้เงินไปโรงเรียนวันละ 5 บาท

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2566 จากกรณีมีผู้ไปพบศพ นายไพบูลย์ หรือแอ๊ด โจมรัมย์ อายุ 31 ปี และ ด.ญ.มลชยา หรือน้องข้าว อิ่มสุข อายุ 10 ปี นักเรียนชั้น ป.4 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ผูกคอติดกับตัวบ้านลักษณะศพหันหน้าเข้าหากัน ที่บ้านเลขที่ 201/2 หมู่ 2 ต.สาวเอ้ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ สภาพศพเริ่มเน่าเปื่อย คาดเสียชีวิตมาประมาณ 3 วันที่ผ่านมา

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสลดใจให้กับชาวบ้านและผู้ที่ทราบข่าวเป็นอย่างมาก หลังจากรู้สาเหตุว่าเกิดจากความยากจน ไม่มีเงินแม้จะให้ลูกไปโรงเรียน ไม่มีเพื่อนคู่ใจเพราะภรรยาหนีไปแต่งงานใหม่ ต้องรื้อสังกะสีหลังคาบ้านไปขายเอาเงินให้ลูกไปโรงเรียน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปาใช้ เพราะถูกตัด ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดนานกว่า 3 ปี

ล่าสุด ศพสองพ่อลูกได้ทำการฌาปนกิจในวันนี้ที่วัดสาวเอ้ ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง ซึ่งบรรยากาศในงานศพมีชาวบ้านมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก มีนายโสภณ ซารัมย์ สส.ในพื้นที่เดินทางไปร่วมงานด้วย ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนสลดใจ 

นางสำเนียง แสงตะวัน อายุ 60 ปี แม่ของนายไพบูลย์ หรือแอ๊ด ที่ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เปิดเผยว่า เท่าที่ทราบจากครูน้องข้าว ได้เขียนผู้รับผลประโยชน์ประกันอุบัติเหตุในโรงเรียน ระบุชื่อนางวนาลี หรือเป้ อิ่มสุข แม่น้องข้าว ซึ่งจะได้รับเงินค่าประกันการเสียชีวิตจำนวนเงิน 100,000 บาท แต่ถึงเวลานี้ยังไม่เห็นหน้าแม่น้องข้าวเลย ทั้งยังปิดโทรศัพท์ บล็อกเฟซบุ๊ก ไม่สามารถติดต่อได้ จึงอยากจะฝากถึงลูกสะใภ้ ถ้าทราบข่าวให้กลับมาเดินเอกสารเพื่อรับผลประโยชน์ประกันชีวิต เพราะเงินดังกล่าวสามารถเอามาทำบุญให้ลูกตัวเองได้ ทุกอย่างให้อภัย

ด้าน นางสมปอง สุขทวี ครูสอนวิชาภาษาไทย โรงเรียนบ้านสาวเอ้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาระหว่างการเรียน เด็กมักจะขาดเรียนบ่อยครั้ง คาดว่าน่าจะมีปัญหาเรื่องการเงิน น้องข้าวจะเดินมาโรงเรียนตั้งแต่ตอนเช้า แทบทุกครั้งจะมีภารโรง หรือครูในโรงเรียนถามว่า เอาเงินมาโรงเรียนกี่บาท ถ้าน้องบอกว่าเอามา 5 บาท ครูหรือภารโรง จะเอาเงินเพิ่มให้เป็น 10 บาท หรือ 20 บาทเป็นประจำ โชคดีที่โรงเรียนมีอาหารกลางวันทำให้น้องข้าวอิ่มท้องไปได้ แต่ปัญหาลึกๆ ยอมรับว่าไม่รู้จะมีมากแค่ไหน.