ผกก.สมุทรปราการย้ำตำรวจเข้าระเหตุเปิดเพลงส่งเสียงดังบริเวณร้านอาหารใกล้สถานีบีทีเอสสรีนครินทร์ทำตามกฎหมายและยุทธวิธี

ผกก.สมุทรปราการย้ำตำรวจเข้าระเหตุเปิดเพลงส่งเสียงดังบริเวณร้านอาหารใกล้สถานีบีทีเอสสรีนครินทร์ทำตามกฎหมายและยุทธวิธี





ad1

พลตำรวจตรี พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ  ได้รับแจ้งจากพันตำรวจเอกนพดล ช่างเรือน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ กรณีมีคลิปการระงับเหตุ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสื่อมวลชนต่างๆ เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 22.26 น. ศูนย์วิทยุ 191 สมุทรปราการ แจ้งมายังศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ว่ามีประชาชนแจ้งเหตุ เปิดเพลงส่งเสียงดัง บริเวณร้านอาหารใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศรีนครินทร์ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางตรวจสอบเหตุดังกล่าว  โดยมี สิบตำรวจตรีสุรวีร์ วีระชาติ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจทรัพย์บุญชัย เดินทางตรวจสอบบริเวณดังกล่าว

เมื่อเดินทางถึงบริเวณสถานที่รับแจ้งเหตุดังกล่าว พบว่าเป็นร้านอาหารมีการเปิดเพลงส่งเสียงดังจริง จึงได้ประชาสัมพันธ์กับกลุ่มประชาชนที่เปิดเพลงส่งเสียงดังให้ลดเสียงลง และเลิกการกระทำที่ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ภายในชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมา กลุ่มประชาชนดังกล่าว ได้เข้ามาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้คำพูดในลักษณะดูหมิ่น ใช้กำลังผลัก และตะโกนไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ 
 
ต่อมาหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าระงับเหตุ ได้เดินทางออกมาจากที่เกิดเหตุแล้ว ได้รวบรวมหลักฐานคลิปวิดีโอ ขณะปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบเหตุดังกล่าว แจ้งให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตามคลิปดังกล่าวรวม 6 คน โดยแจ้งดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ จำนวน 6 ข้อหา ดังนี้   
1.ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่สามคนขึ้นไป
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,139 และมาตรา 140 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,138 วรรค 2 และมาตรา 140 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.ร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ 
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,136 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,391 โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
5.ร่วมกันเปิดเพลงเสียงดัง ทำให้เกิดเสียงหรือเกิดความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนด้วยการเปิดเพลงเสียงดังในสถานที่เกิดเหตุ  
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,370 โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
6.ร่วมกันกระทำประการใดๆต่อผู้อื่นอันเป็นการข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,397 โทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท กรณีกระทำในที่สาธารณะ โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


และได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ต้องหาให้มาพบพนักงานสอบสวนไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 โดยกลุ่มผู้ต้องหาแจ้งจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนในวันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม 2566 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการเข้าระงับเหตุครั้งที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำการตามหลักกฎหมายและหลักยุทธวิธี ในการเดินทางตรวจสอบเหตุ รวมทั้งประเมินสถานการณ์เหตุการณ์ และยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงมากขึ้น จากเหตุที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน อดกลั้น อย่างถึงที่สุดและปฏิบัติตามขั้นตอนและหลักยุทธวิธี ในการใช้กำลัง เพื่อไม่ให้เกิดที่รุนแรงมากขึ้น 
ในส่วนของประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความห่วงใย จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ผู้กระทำความผิด ให้ตระหนักถึงกรอบของกฎหมาย  หากมีการกระทำความผิดจะต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนด