พ่อค้าแม่ค้าตลาดกลางขอนแก่นขอธกส. 15 เดือนหาที่อยู่ใหม่หลังถูกไล่ไม่เป็นธรรม

พ่อค้าแม่ค้าตลาดกลางขอนแก่นขอธกส. 15 เดือนหาที่อยู่ใหม่หลังถูกไล่ไม่เป็นธรรม





ad1

พ่อค้าแม่ค้าตลาดกลางสินค้าขอนแก่นรวมต้องเรียกร้องขอเวลา ธกส.15 เดือนหาที่อยู่ใหม่หลังถูกไล่ออกไม่เป็นธรรม และตัดน้ำตัดไฟ จนทำมาค้าขายไม่ได้ บุกร้อง นายกฯ"เศรษฐา" แต่เรื่องก็เงียบ

ที่ตลาดจำหน่ายพันธุ์ไม้และสินค้า ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ตลาดกลางสินค้าเกษตรขอนแก่น ถ.มิตรภาพ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นางธราทิพย์ ลิมปิพัฒน์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.11 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่นพร้อมชาวบ้านร่วม 30 คน ซึ่งมีร้านค้าอยู่ภายในจุดจำหน่ายพันธุ์ไม้นำหนังสือร้องขอความเห็นใจ จากทาง ธ.ก.ส. และ กรมธนารักษ์ เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับชาวบ้าน

หลังเข้ายื่นหนังสือต่อนาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งที่เดินทางมาลงพื้นที่ขอนแก่น เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้มีการพิจารณาให้มีการผ่อนผันชะลอการรื้อถอนร้านค้า ของทาง ธ.ก.ส.และกรมธนารักษ์ โดยขอให้ธนาคารดำเนินการต่อน้ำและไฟฟ้ากลับมาเหมือนเดิม รวมทั้งขอผ่อนผันระยะเวลาการรื้อถอนร้านค้า 15 เดือน และจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมให้กับชาวบ้านทุกคนได้ค้าขาย เพราะทุกครอบครัวค้าขายที่จุดนี้มาตึ้งแต่ปี 2540 แต่เรื่องก็เงียบหายไป

นางธราทิพย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่มาตัดน้ำและตัดไฟฟ้าของชาวบ้าน ซึ่งมีร้านค้าอยู่ในพื้นที่รวม 41 ครอบครัว โดยก่อนหน้าจะมีการตัดไฟฟ้าและน้ำนั้น ทางธ.ก.ส.มีหนังสือมาถึงชาวบ้านเมื่อ 25 ส.ค.2566 ระบุว่า ให้ผู้ใช้พื้นที่ทุกร้านขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ พร้อมส่งมอบพื้นที่คืนในสภาพเรียบร้อยตามเดิม ภายในระยะเวลาที่กำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว  ทำให้ชาวบ้านตั้งตัวไม่ทัน เกิดความเดือดร้อน ทั้งสินค้า พันธุ์ไม้และอุปกรณ์ขายของที่ร้านที่ต้องใช้ไฟฟ้าไม่สามารถใช้ได้ น้ำประปาก็ถูกตัดไม่มีน้ำใช้ในรดน้ำต้นไม้ ทำให้ต้นไม้เริ่มใบเหลืองทยอยแห้งตาย

"บางคนที่พอมีกำลังทรัพย์ก็ใช้แบตเตอรี่ปั่นไฟมาใช้ชั่วคราวเพื่อหาสถานที่รองรับสินค้าโดยเฉพาะต้นไม้เหล่านี้ เพื่อรอการจำหน่าย ทางตนเองและคนอื่นๆที่มีร้านค้าอยู่ในพื้นที่จำหน่ายของ ธ.ก.ส.จึงร่วมลงชื่อทำหนังสือขอผ่อนผันชะลอการรื้อถอนออกไป เป็นระยะเวลา 15 เดือน โดยแบ่งเป็นช่วงระบายสินค้าและหาสถานที่แห่งใหม่ 12 เดือน และ อีก 3 เดือนเพื่อเตรียมจัดเก็บสินค้าและทรัพย์สินเพื่อการรื้อถอนออกไป รวม 15 เดือน และในช่วงระยะเวลา 15 เดือน ขอให้ต่อน้ำประปาและไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้ในทั้งสองกรณี โดยได้ยื่นหนังสือให้ในวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมาก่อนจะมีหนังสือตอบกลับของทาง ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า ทาง ธ.ก.ส.ได้ให้เวลาในการดำเนินการมาโดยตลอด

โดยได้แจ้งแผนการดำเนินการตามบันทึกการประชุมและตามหนังสือแจ้งให้ขนย้ายทรัพย์สิน และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่พร้อมส่งคืนในสภาพเรียบร้อยตามเดิม อันเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว ธ.ก.ส.จำเป็นต้องดำเนินการตามกระบวนการที่ได้แจ้งให้ทราบ โดยจะดำเนินการงดจ่ายไฟฟ้า และน้ำประปาในวันที่ 4 ก.ย. 2566 และดำเนินกระบวนการทางกฎหมายต่อไป ซึ่งในหนังสือดังกล่าวได้อ้างอิงถึงหนังสือของ ธ.ก.ส.ได้แจ้งให้ทางเจ้าของร้านทั้ง 41 ราย ให้ขนย้ายทืรัพย์สิน และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ พร้อมส่งมอบพื้นที่คืนสภาพเรียบร้อยตามเดิม ซึ่งลงฉบับที่ 1 วันที่ 2 มิ.ย.2566 ฉบับที่ 2 และ 3 ลงวันที่ 12 พ.ค.2566"

นางธราทิพย์ กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากเคลื่อนย้ายรื้อถอนไม่ทัน เพราะต้องใช้เงินในการรื้อถอน และหาทำเลใหม่ซึ่งการหาทำเลก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ต้องใช้เวลา เพราะหากได้ทำเลไม่ดีเหมือนที่เคยค้าขายมาทั้งชีวิต ก็เหมือนต้องกลับไปเริ่มต้นจากศูนย์อีกครั้ง หากทาง ธ.ก.ส.ยอมทำตามข้อเสนอของเราก็เชื่อว่าทุกคนจะสามารถขนย้ายทรัพย์ทั้งหมดและมีเงินที่จะรื้อถอนให้กลับมาเป็นสภาพเดิม รวมทั้งหาทำเลขายของใหม่ได้ทัน

ด้าน นางหอมไกร ฮงทอง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191/188 หมู่บ้านเดชา ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เป็นแม่ค้าพันธุ์ไม้รุ่นแรกที่ ธ.ก.ส. มาเชิญชวนไปตั้งร้านขายอยู่จุดนี้ เดิมทีขายอยู่ในตลาดต้นไม้ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตั้งแต่ปี 2536 จนกระทั่งปี 2539 ธ.ก.ส.มีใบปลิวมาเชิญชวนขายอยู่ที่นี่ โดยตนเองกับเจ้าของร้านขายพันธุ์ไม้คนอื่นรวม 12 ร้านตกลงมาตั้งร้านขายที่นี่ และเริ่มขายตอนปี 40 โดยมาทราบทีหลังว่าเพื่อเป็นแนวป้องกันฝุ่นละอองจากข้าวเปลือก เนื่องจากพื้นที่ใกล้เคียง เป็นโรงพยาบาลและเขตที่พักอาศัย ศูนย์การค้า ธนาคาร จึงต้องหาทางป้องกันการร้องเรียนจากผู้อาศัยข้างเคียง โดยธนาคารได้มีการเชิญผู้ขายพันธุ์ไม้แบะเรียกเก็บค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า และค่าธรรมเนียมอื่นๆ จากสมาชิกพันธุ์ไม้และร้านค้า

"ต่อมากรมธนารักษ์ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่อ้างว่า สมาชิกชมรมพันธุ์ไม้และร้านค้าทำไม่ถูกต้องตามสัญญาเนื่องจากพื้นที่ที่ทำกินนี้ ทางธ.ก.ส.เช่าจากกรมธนารักษ์ และมีหนังสือแจ้งให้ธ.ก.ส.รื้อถอนร้านค้าของชมรมฯออกไป และต้องชำระหนี้ ธ.ก.ส.ซึ่งหนี้สินดังกล่าวนั้น ทุกคนต่างกู้สินเชื่อกับธ.ก.ส.ที่มาเสนอโปรโมชั่นต่างๆ และทุกคนก็ชำระหนี้จ่ายดอกเบี้ยตามปกติไม่เคยมีปัญหา เปรียบเสมือนทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันกับ ธ.ก.ส. มีกิจกรรมทุกอย่างพวกเราทุกคนไปช่วยงาน ร่วมกิจกรรม รักษาน้ำใจ ธ.ก.ส.มาตลอด พยายามไม่ให้เป็นข่าวโด่งดัง แต่สิ่งที่ ธ.ก.ส.ทำกับพวกเราเหมือนเหมือนปล่อยพวกเราลอยแพตอนนี้ทุกคนได้รับความเดือดร้อน หาเช้ากินค่ำ อีกทั้งอายุเยอะไม่สามารถไปทำอาชีพอื่นได้นอกจากค้าขายพันธุ์ไม้ตามเดิม ก็อยากจะขอเวลาตามที่ยื่นขอความเห็นใจไป เพื่อให้ระยะเวลาดังกล่าวให้ชาวบ้านทุกคนหาเงินรื้อถอนและหาทำเลใหม่ได้ทัน และเวลาเพียง 15 เดือนนั้นไม่ใช้เวลาที่นานเลย"

พร้อมกันนี้ ชาวบ้านร่วม 30 คน ยังได้พาผู้สื่อข่าวดูจุดที่มีหนังสือให้รื้อถอน โดยเป็นลักษณะพื้นที่รูปตัว L ติดริมถนนมิตรภาพ ซึ่งมีการปรับปรุงพื้นที่รอบอาคารโรงสี โดยทาง ธ.ก.ส.ได้แจ้งกับชาวบ้านว่า กรมธนารักษ์ไม่ต่อสัญญาให้เพราะ ธ.ก.ส.ทำผิดสัญญา และจะมีการสร้างเป็นตลาดการเกษตร ชาวบ้านจึงตั้งข้อสงสัยว่า หากผิดสัญญาทำไมจึงยังมีการก่อสร้างต่อ และหากสร้างตลาดการเกษตรทำไมจึงไม่ให้ผู้ค้ารายเดิมได้มีสิทธิ์ขาย ทั้งที่เป็นลูกค้าของธ.ก.ส.โดยตรงด้วย และแต่ละคนก็ผ่อนชำระหนี้ ธ.ก.ส.อยู่ทุกเดือน และเรื่องดังกล่าวนี้ทางชาวบ้านได้มีการร้องเรียนกับทาง ผวจ.ขอนแก่น 3 ครั้ง แต่ทางจังหวัดเป็นได้เพียงคนกลางไกล่เกลี่ย หากทาง ธ.ก.ส.ยืนยันดำเนินการแบบนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำให้การพูดคุยยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ 

โดย...จักรพันธ์ นาทันริ จังหวัดขอนแก่น