'ทวี-ต่อศักดิ์'แถลงยึดยาเสพติดล็อตใหญ่ เผยแกะรอย 2 ปีรวบ 4 ผู้ต้องหา

'ทวี-ต่อศักดิ์'แถลงยึดยาเสพติดล็อตใหญ่ เผยแกะรอย 2 ปีรวบ 4 ผู้ต้องหา





ad1

"ทวี-ต่อศักดิ์" แถลงข่าวยึดยาบ้า-เฮโรฮีน-แฮปปี้วิลเตอร์-ไฟว์ไฟว์ บิ๊กลอต กว่า 300 ล้าน แกะรอย 2 ปี รวบ 4 ผตห.เครือข่ายยานรกใช้บ้านเป็นแหล่งพักยาก่อนกระจายให้ลูกค้า รมว.ยุติธรรม เดินหน้านโยบายปราบยาเสพติด เร่งรัดปปส. 100 วันต้องเห็นผล ชงปรับกม.ให้สอดคล้องสภาพสังคม ด้านรองต่อศักดิ์ ปัดกระแสจัดฉากวันเคาะผบ. เผยจังหวะโอกาสได้ สั่งชุดสืบเดินหน้าขยายผลงัดกฎเหล็กยึดทรัพย์ ฟอกเงิน ไม่ข ตอบนโยบายหากขึ้นผบ.ตร. ระบุไม่อยากให้โฟกัส ตอนนี้เป็นเพียง รองผบ.ตร.เท่านั้น

 เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 66 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ.  พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี  รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.โชติช่วง รัศมี, พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร รอง ผกก.สายตรวจ พร้อมด้วยชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวกรณีกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมานำกำลังกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ไปตรวจค้นแหล่งพักยาเสพติด ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม  โดยสามารถตรวจยึดของกลาง ยาบ้า 15 ล้านเม็ด เฮโรอีน 443 แท่ง  ไอซ์ 420 กิโลกรัมและยาเสพติดประเภทแฮปปี้วอเตอร์และยาไฟว์ไฟว์ อีกจำนวนมาก   พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ที่มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด คือนายชลิต เขียวพราย อายุ 39 ปีที่อยู่ 88/2 หมู่ที่ 2 ตำบลทัพหลวง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม,นายอภิชาติ เอกจีน อายุ 38 ปี,นายจรัญ เขียวพราย อายุ 38 ปี และนายวัชระ เขียวพราย อายุ 36 ปี

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นผลงานครั้งสำคัญ เพราะจุดดังกล่าวถือเป็นแหล่งพักยาที่ใหญ่ที่สุดในช่วงนี้ และอยู่ใจกลางประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ชุมชน ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับก็พบประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวนมาก วันนี้ตนจึงอยากมาให้กำลังใจชุดจับกุม รวมถึงชื่นชมรองผบ.ตร. ที่มีความเป็นห่วงเยาวชน ที่เป็นผู้เสพยาเสพติดส่วนใหญ่ โดยการจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นการสกัดยาเสพติดล็อตใหญ่ ไม่ให้ออกไปแพร่ระบาด หลังจากนึ้จะต้องไปดูในเรื่องข้อกฎหมายในส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องจะเพื่อให้สอดคล้อง ยกระดับการป้องกัน คุมเข้มพื้นที่ ตามกฎหมายสามารถประกาศเป็นพื้นทึ่สงครามยาเสพติด โดยยกระดับในภูมิภาค  ซึ่งรัฐบาลประกาศ 1 ปี ปราบยาเสพติด แต่ตนได้สั่งการทางปปส.ว่า ภายใน100 วันให้เห็นผล เราจะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกฎกมายที่มีอยู่แรงกว่าการตัดตอนเพราะเราจะยึดทรัพย์โครงข่ายทั้งหมด

พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ได้สืบทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด โดยใช้รถยนต์ตระเวนส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าบริเวณถนนบรมราชชนนี และพื้นที่พุทธมณฑลสาย 5 จึงเฝ้าสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้เช่าบ้านไว้เป็นที่เก็บซุกซ่อนยาเสพติด ในพื้นที่ตำบลลำพญา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จนเมื่อสองวันก่อนพบมีการลำเลียงยาเสพติดจากแหล่งที่พักอื่น มาพักที่บ้านเลขที่ 20/15 ซ.ลำพยา-บอสโก 2 ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นและจับกุม

สำหรับเครือข่ายนี้ ตำรวจ 191 ได้ติดตามจับกุมต่อเนื่องมา 4 คดีเป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยจุดที่เข้าไปตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาเมื่อคืนนี้ เป็นจุดพักยาที่กลุ่มผู้ต้องหาได้มีการขนย้ายยาเสพติดจากเซฟเฮาส์หลายแห่งมารวมกัน เพื่อหลบหนีการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางสภ.เมืองนครปฐมได้ตั้งด่านอาชญากรรมมีการจับกุมผู้ต้องหาคือนายวราวุธ อินคล้าย 36 ปี ในความผิด มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง อีกทั้งยังเป็นผู้ต้องหาในข้อหาสมคบเพื่อการฟอกเงินของทางบช.ปส เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาทราบ จึงเกิดความกลัว ขนย้ายยาเสพติดมารวมกันที่นี่ ทำให้สามารถตรวจยึดของกลางได้ปริมาณมาก และยังพบเฮโรอีนซึ่งเป็นยาเสพติดที่ไม่ค่อยพบในประเทศไทย เนื่องจากมีต้นทุนสูง นอกจากนี้ ยังมียาเสพติดชนิดที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้วเพื่อใช้สำหรับเสพในสถานบันเทิงด้วย เช่น แฮปปี้วอเทอร์ และไฟว์ไฟว์

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 4 รายได้ให้การรับสารภาพ และให้การเป็นประโยชน์ โดยให้ข้อมูลว่าได้ต่าจ้างในการขนยาบ้า1.8 ล้านบาท เฉลี่ยอยู่ที่คนละ 4.5 แสน  ยังไม่รวมค่าจ้างขนเฮโลอีน ส่วนแฮปปี้วอเทอร์ ได้ค่าจ้างเป็นส่วนแบ่ง10%จากยอดขายซึ่งผบ.ตร. ได้เร่งสั่งการให้ขยายผลไปยังปลายทางต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่ามีการจำหน่ายยาเสพติดภายในประเทศให้กับกลุ่มผู้เสพ รวมไปถึงสถานบันเทิงในพื้นที่ด้วย ส่วนต้นทางของยาเสพติด พบว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ โดยเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ

ต่อมา ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เหตุใดการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ครั้งนี้ จึงเกิดขึ้นหลังจากมีมติให้พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ เป็นผบ.ตร.คนที่ 14 ทันที ซึ่งทางพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า  การจับกุมในครั้งนี้ ไม่ใช่การจัดฉาก แต่อาชญากรรมสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ซึ่งเมื่อมีโอกาสตำรวจก็มีหน้าที่ตัดโอกาสในการกระทำความผิดทันที คนร้ายไม่ได้มาบอกว่าจะขนยาวันไหน ซึ่งเมื่อคืนนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้โทรศัพท์มาแจ้งตนว่ามีเหตุเกิดขึ้น ตนก็ได้โทรศัพท์ไปแจ้งกับพล.ต.อ. ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่รับผิดชอบงานเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ทางพล.ต.อ. ชินภัทรติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ตนไปดูที่เกิดเหตุแทน

เมื่อถามว่า การจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ทำให้ถูกเชื่อมโยงไปถึงกรณีกำนันนกว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุว่า ขอให้อย่าไปโยงถึงกัน ใครทำคดีไหนก็ชัดเจน ต้องไปถามที่คนนั้น พร้อมย้ำว่าตนเอง ดูในเรื่องของงานป้องกันปราบปราม ซึ่งเรื่องยาเสพติดก็ถือเป็นส่วนหนึ่งอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาตนเองได้ทำเรื่องชุมชนยั่งยืนมานานแล้ว คือเข้าไปแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ไม่ได้เพิ่งมาทำตอนที่มีผลการคัดเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และทาง 191 ก็ได้แกะรอยเคสนี้มานานกว่า 2 ปี 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในการที่จะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเน้นนโยบายหลักเรื่องยาเสพติดใช่หรือไม่ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ตอบว่า เรื่องยาเสพติด เป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลได้กำชับอยู่แล้ว นอกจากนี้ ก็จะมีเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ คอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงเรื่องการท่องเที่ยว  อย่างไรก็ตามเมื่อถามนโยบายในการดำรงตำแหน่งผบ.ตร.  ทางพล.ต.อ.ต่อศักดิ์  ตอบว่า เรื่องตำแหน่ง ขอยังไม่ตอบ โดยยังไม่อยากพูด จนกว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ตนยังเป็นแค่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ