เกษตรกรใต้ลุ้นรบ.หนุนสวนยาง 27 ล้านไร่ลดมีเทนขาย"คาร์บอนเครดิต"เสริมรายได้

เกษตรกรใต้ลุ้นรบ.หนุนสวนยาง 27 ล้านไร่ลดมีเทนขาย"คาร์บอนเครดิต"เสริมรายได้





ad1

“คาร์บอนเครดิต” สวนยางพารา รวมกว่า 20 -27 ล้านไร่ หวังรัฐบาลใหม่ “นายก เศรษฐา - รัฐมนตรี รอ.ธรรมนัส” เข้ามาดูแลอย่างเร่งด่วน. เป็นเงินสะพัดปริมาณมาก / ปี

นายประยูรสิทธิ์ คณานุรักษ์ ประชาสัมพันธ์คณะกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ยางพาราคาร์บอนเครดิต ขณะนี้ที่มีการเคลื่อนไหวทางภาคเหนือ ส่วนทางภาคใต้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวเท่าที่ควร

สำหรับโครงการคาร์บอนเครดิต หลักการมีคณะทำงานเข้าพื้นที่มีการตรวจสอบต้นไม้ต้นยางพารา วัดอัตราค่าคาร์บอนมีการประเมินผล ผ่านคนกลางการขายคาร์บอนให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ทางนายวีระศักดิ์ สินธุวงศ์ ประชาสัมพันธ์เครือข่ายชาวสวนยางพาราระดับเขตภาคเหนือ รวมกับระดับนำเกษตรกรชาวสวนยางพารา ได้มีการนำเสนอโครงการสวนยางพาราคาร์เครดิตกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในฐานะผู้กำกับดูแลชาวสวนยางพาราทั่วประเทศ ที่มียางพาราอยู่ในการดูแลประมาณ 20-27 ล้านไร่ โดยภาคเหนือมียางพาราประมาณ 1.8 ล้านไร่

ต่อมานายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการ กยท.เขตภาคเหนือ เวทีประชุมสัมมนาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยาง ที่ จ.ตาก จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำปาง มา 3-4 รอบในปี 2566

“กยท.จะต้องเป็นเจ้าภาพดำเนินการทำการยกร่างโครงการคาร์บอนเครดิตยางพารา โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง”

สำหรับคาร์บอนเครดิตสวนยางพาราได้ผ่านการศึกษาวิจัย ของคณะนายอารักษ์ จันทุมา ซึ่งวิจัยสำเร็จไว้และได้มีการนำเสนอไปยัง กยท.ซึ่งจะต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการ กยท. (บอร์ด) เพื่อดำเนินการเสนอต่อรัฐบาล

สำหรับคาร์บอนเครดิตที่สำเร็จแล้วคือสวนบัวชมพู ทำนาข้าวอินทรีย์ ฯลฯ พื้นที่ป่าชุมชน จ.เชียงใหม่ คาร์บอนเครดิตได้ประมาณ 300 บาท / ไร่ / ปี เมื่อสวนยางพาราที่มีอยู่ทั่วประเทศ 20 - 27 ล้านไร่ จะได้รับผลตอนแทนเป็นจำนวนมากเช่นกัน

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า สวนยางพาราจะคิดอัตราค่าคาร์บอนเครดิตขึ้นอยู่กับอายุของยางพารา ถ้าเฉลี่ยภาพรวมยางพาราทั่วประเทศน่าจะอยู่ที่ 180 บาท / ไร่ / ปี

ตอนนี้ยางพาราอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนคาร์บอนเครดิต และที่ดำเนินการกับตามมาตรการตามกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) มีมาตรการระเบียบ EUDR และ FSC

“สำหรับโครงการคาร์บอนเครดิตอยู่ที่คณะกรรมการ กยท. (บอร์ด) จะพิจารณาดำเนินการ ถึงรัฐบาลใหม่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าดูแลดำเนินการ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยและชาวสวนยางพาราได้ทั่วประเทศ”.

ผลของการปลูกสร้างสวนยางพาราต่อการเก็บเกี่ยวก๊าซคาร์บอน 

อารักษ์ จันทุมา, ธีรชาต วิชิตชลชัย, พิศมัย จันทุมา, ไววิทย์ บูรณธรรม, ดารุณี โกสัยเสวี และสว่างรัตน์ สมนาค ศูนย์วิจัยยางฉะเชิงเทรา สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จันทบุรี

เพื่อศึกษาข้อมูลเก็บรักษาก๊าซคาร์บอนนำไปใช้ประเมินมูลค่าทางสิ่งแวดล้อมสวนยางพาราที่ช่วยลดภาวะก๊าซเรือนกระจก ใช้เป็นข้อมูลต่อรองการค้าโลก ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกยางพาราอันดับหนึ่งของโลกควรมีค่าอ้างอิงการเก็บรักษาก๊าซคาร์บอนในสวนยางตามข้อตกลงพิธีสารเกียวโต (Article 3.3 Kyoto Protocol) ในการเก็บภาษีคาร์บอนหรือภาษีสิ่งแวดล้อมโลก การวิจัยปริมาณสารคาร์บอนใช้วิธีหามวลชีวภาพต้นยางพาราที่อายุต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ ทดลองกับยางพันธุ์ RRIM 600 เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกมากกว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่ปลูกในประเทศ 

จากการวัดมวลชีวภาพทุกส่วนของต้นยางที่โค่นอายุ ตั้งแต่ 2 - 25 ปี จำนวน 95 ต้น จากสวนยางในภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือพบว่า ความสัมพันธ์ของมวลชีวภาพ (Y) กับขนาดเส้นรอบยาง (X) มีความสัมพันธ์ในทางบวกคือ Y = 0.0082 X 2.5623 ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ R2 = 96 มวลชีวภาพของต้นยางเพิ่มขึ้นที่ขนาดเส้นรอบต้น 20 - 100 เซนติเมตร แต่เมื่อขนาดเส้นรอบต้นโตมากกว่า 100 เซนติเมตร มวลชีวภาพมีการเพิ่มในอัตราส่วนลดลง ดังนั้นควรพิจารณาอายุที่เหมาะสมที่ควรจะตัดฟันโค่นล้มต้นยางแล้วปลูกทดแทนใหม่ เพื่อให้พื้นที่ปลูกสร้างสวนยางนั้นได้เก็บเกี่ยวสารคาร์บอนในรอบใหม่ต่อไป ต้นยางอายุ 2.5 - 25 ปี มีความสูงจากพื้นดินถึงปลายยอด 6.5 - 26.7 เมตร น้ำหนักลำต้นและกิ่ง 71.1 - 87.7 เปอร์เซ็นต์ของทั้งต้น (ทั้งส่วนบนดินและใต้ดิน) มีน้ำหนักใบที่อายุ 15 - 20 ปี ประมาณ 2.0 - 2.3 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักทั้งต้นหรือมีดัชนีพื้นที่ใบ (สัดส่วนพื้นที่ใบต่อพื้นที่ดินต่อต้น) 

ดัชนีพื้นที่ใบจะเริ่มต้นจาก 0.5 ที่อายุ 2.5 ปี จนสูงสุดที่ 7.8 อายุ 20 ปี น้ำหนักของรากและรอยต่อระหว่างต้นกับรากมีค่า 10.3 - 20.8 เปอร์เซ็นต์ หรือเฉลี่ย 15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักทั้งหมด ที่อายุ 2.5 ปี น้ำหนักมวลชีวภาพแห้งของทั้งต้น 9.0 กิโลกรัมต่อต้น และสูงสุดที่อายุ 25 ปี 822.4 กิโลกรัมต่อต้น มวลชีวภาพของต้นยางขนาดของเส้นรอบต้นมากกว่าอายุของต้นยาง นอกจากนั้นยังขึ้นกับสภาพพื้นที่ปลูกยาง จำนวนต้นที่ปลูกต่อไร่ ความสำเร็จของการปลูกยาง ยางอายุ 9 ปี มีเส้นรอบต้นเฉลี่ย 54.6 เซนติเมตร ต้นยางปลูกสำเร็จใช้งาน ได้ 84 เปอร์เซ็นต์ ให้มวลชีวภาพได้ 19 เมตริกตันต่อไร่ ยางอายุ 12 ปี มีเส้นรอบต้นเฉลี่ยใกล้เคียงกัน 59.0 เซนติเมตร แต่มีจำนวนต้นปลูกรอดตาย 64-78 ต้นต่อไร่ ให้มวลชีวภาพได้ 20 - 24 เมตริกตันต่อไร่ แสดงผลชัดเจนในสวนยางอายุ 15 - 22 ปี ให้มวลชีวภาพได้ใกล้เคียงกันคือ 30 - 37 เมตริกตันต่อไร่ เพราะขึ้นอยู่กับขนาดเส้นรอบต้นคือ 65.7 - 71.4 เซนติเมตร และจำนวนต้นปลูกรอดตาย 62 - 86 ต้นต่อไร่ ต้นยางอายุ 25 ปี ได้มวลชีวภาพ 49 เมตริกตันต่อไร่ปริมาณไม้ยางพาราที่สามารถนำออกจากพื้นที่เพาะปลูก (พื้นที่เก็บเกี่ยวสารคาร์บอน) ไปใช้ทำอุปกรณ์เครื่องเรือนต่างๆ มีผลทำให้เก็บรักษาสารคาร์บอนไว้เป็นเวลานาน ไม้ยางที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางท่อนซุงมากกว่า 6 นิ้วขึ้นไป เป็นส่วนที่มีประโยชน์ที่สุดในการนำไปใช้เป็นส่วนประกอบเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านเรือนและสำนักงาน

พื้นที่ปลูกยางภาคใต้มีสัดส่วนของไม้ที่ใช้ประโยชน์ 68 - 81 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าภาคตะวันออก มีสัดส่วนของไม้ที่ใช้ประโยชน์ประมาณ 58 - 75 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณสารคาร์บอนจากชิ้นส่วนเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ของต้นไม้ มีสารคาร์บอน ประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์ และการทิ้งเศษซากใบ กิ่ง ก้าน ผล เมล็ด ที่ร่วงหล่นของต้นยางในแต่ละปีมีปริมาณแตกต่างกันตามอายุของยาง ต้นยางอายุ 11 - 12 ปี, 15 - 17 ปี และ 20 - 21 ปี ทิ้งเศษซาก 1.295, 0.534 และ 0.336 เมตริกตันต่อไร่ตามลำดับ ปริมาณสารคาร์บอนที่คำนวณได้ในสวนสามารถเก็บเกี่ยวสารคาร์บอนได้ 8.32,11.46,15.44 และ 22.39 เมตริกตันต่อไร่ ที่อายุ 9, 12, 18 และ 25 ปี ตามลำดับ และดินระดับบน 0-30 เซนติเมตร ปริมาณอินทรียวัตถุเฉลี่ย 2.11 เปอร์เซ็นต์ ใน 28 ชุดดิน ปลูกยาง มีปริมาณสารคาร์บอน 7.84 เมตริกตันต่อไร่ ดังนั้นในวงจรชีวิตของการปลูกสร้างสวนยางอายุ 25 ปี สามารถการเก็บรักษาสารคาร์บอนประมาณ 42.65 เมตริกตันต่อไร่

โดย...อัสวิน ภักฆวรรณ