‘ลาบิกซ์’เปิดเวทีรับฟังโครงการผลิตสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

‘ลาบิกซ์’เปิดเวทีรับฟังโครงการผลิตสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด





ad1

‘ลาบิกซ์’ บริษัท ในกลุ่มไทยออยล์ จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสีย ครั้งที่ 2 โครงการผลิตสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ครั้งที่ 3

เมื่อวันที่ 27 ต.ค.66 นายธานี เกียรติพิพัฒนกุล รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง พร้อมด้วย นายวิโรจน์ มีนะพันธ์  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์  บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นประธานเปิดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสีย ครั้งที่ 2 ของโครงการผลิตสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด (ส่วนขยาย ครั้งที่ 3)  พร้อมด้วย นางสาวจิตนา ชีระชีวิน  ปลัดอำเภอศรีราชา และผู้แทนส่วนราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน พี่น้องชุมชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานครั้งนี้จำนวนมาก

นายวิโรจน์ มีนะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์  บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในนามของบริษัท ลาบิกซ์ กำจัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มไทยออยล์ รู้สึกยินดีที่ได้มาเป็นประธาน ในการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ครั้งที่ 2 ต่อร่างข้อเสนอโครงการ รายละเอียดโครงการ ขอบเขตการศึกษา และการประเมินทางเลือกโครงการ โครงการผลิตสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ส่วนขยาย ครั้งที่ 3

โดย มีโครงการขยายกำลังการผลิตสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพิ่มขึ้นจาก 405 เป็น 440 ตันต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 35 ตันต่อวัน จาก 147,825 เป็น 160,600 ตันต่อปี  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยการปรับปรุงอุปกรณ์ส่วนย่อยของหน่วยผลิตเดิมในจุดคอขวด เพื่อให้หน่วยผลิตเดิมสามารถรองรับอัตราการป้อนวัตถุดิบได้มากยิ่งขึ้น และทำให้ได้ผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้นรวมถึงมีการปรับปรุงสภาวะการผลิต เพื่อให้ได้ผลผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่มีการขยายขอบเขตพื้นที่ของโรงงานแต่อย่างใด

เนื่องจาก ในปัจจุบันสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักมีแนวโน้มความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบหรือสารตั้งต้น เพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันได้อย่างหลากหลาย เช่น น้ำยาล้างจาน ผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการปรับปรุงการผลิตดังกล่าว จะส่งผลให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ 160,600 ตันต่อปี

ทั้งนี้ การขยายกำลังการผลิตดังกล่าวของโครงการเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดโครงการ กิจการ หรือการ ดำเนินการซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2562

ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้มอบหมายให้ บริษัท เอ็นไว เวิร์ค จำกัด บริษัท ที่ปรึกษาส่วนขยายเพื่อเสนอด้านสิ่งแวดล้อม เป็นผู้จัดทำรายงานโครงการส่วนขยาย เพื่อเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ก่อนดำเนินงานโครงการต่อไป ทั้งนี้เป็นแนวปฏิบัติที่ไทยออยล์ดำเนินอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับดำเนิการลงทุนต่างๆ จะดำเนินการควบคู่ไปกับกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม ไทยออยล์ให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันกับชุมชน มีการดำเนินกิจกรรมที่จะช่วยลดผลกระทบที่อาจจะส่งผลต่อชุมชน พร้อมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชุมชนรอบกลุ่มไทยออยล์  โดยที่ผ่านมาได้มีการเปิดเวที่รับฟังไปแล้วครั้งแรก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ซึ่งทาง บริษัทที่ปรึกษาได้นำข้อเสนอแนะจากการประชาพิจารณ์ในครั้งนั้น มาปรับปรุงตามที่ชุมชนได้เสนอแนะ และนำมาเสนอในที่ประชุมในครั้งนี้

 นายอภินันท์ นาชัยเพชรผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4  ชุมชนผาแดง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ด้านตัวแทนชุมชนจากหลายพื้นที่รอบกลุ่มไทยออยล์ ส่วนใหญ่กล่าวว่า การจัดเวทีในครั้งนี้ ถือว่าเป็นที่เรื่องที่ดี เป็นความรับผิดชอบของทางกลุ่มไทยออยล์  ที่สร้างความมั่นใจให้กับชุมชนรอบโรงกลั่น โดยที่ผ่านมาไทยออยล์ดูแลชุมชนเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงคาดว่าการขยายการผลิตในครั้งนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ก็อยากให้ดูแลและวางมาตรการที่เข้มงวดในเรื่องต่างๆ ให้รัดกุม 

ด้านตัวแทน บริษัท ที่ปรึกษา แจ้งว่า สำหรับข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ประชาชนนำเสนอ และห่วงกัวลนั้น ทางบริษัทฯ พร้อมรับเพื่อนำไปวางมาตรการดูแลป้องกันตามข้อเสนอแนะดังกล่าว ที่ได้ไปในวันนี้

โดย..นิราช/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี ชลบุรี