ระทึก!เพลิงไหม้โรงงานไม้พาเลท ย่านสำโรงใต้ วอด

ระทึก!เพลิงไหม้โรงงานไม้พาเลท ย่านสำโรงใต้ วอด





ad1

พ.ต.ท.รุ่งอรุณ ยั่งยืน สารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้โรงงานไม้พาเลท ภายในซอยวัดบางฝ้าย ตำบลบางหัวเสือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย และใกล้เคียง จำนวน 7 คัน และรถอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 15 คัน เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ 

ในที่เกิดเหตุเข้าซอยไปประมาณ 300 เมตร เป็นโกดังผลิตไม้พาเลท เนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา หลังคาโครงเหล็กสูง 7 เมตร พบเพลิงกำลังลุกไหม้ด้านในโกดังซึ่งมีกองไม้จำนวนมาก และเครื่องจักร เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำอยู่นานเกือบ 1 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบความเสียหาย พบว่ามีเครื่องจักรที่ใช้สำหรับไสไหม้และตัดไม้ จำนวน 7 เครื่อง ได้รับความเสียหาย และไม้พาเลทบางส่วนที่ถูกไฟไหม้ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด เบื้องต้นความเสียหายประมาณ เกือบหนึ่งล้านบาท

 จากการสอบถามนาย อนุสรณ์ สดุดี อายุ 43 ปี เจ้าของโรงงาน เล่าว่า ตนได้เปิดกิจการโรงงานไม้พาเลทไม่ได้ประมาณ 3 ปี มีคนงานประมาณ 4-5 คน แล้วมีเครื่องจักรที่ใช้ภายในโรงงานประมาณ 7 ตัว ซึ่งเป็นเครื่องจักรใช้สำหรับไม้พาเลทในการ ตัด ผ่า ไส ไม้ โรงงานเลิกตั้งแต่ 16.00 น. ของวันที่ 21 พ.ย.ตนก็เดินทางกลับบ้านพัก และมีน้องคนงานคนนึงเพิ่งจะกลับไปตอนเวลา 18.00 น. ก็ไม่มีเหตุอะไรเพราะทุกทีเลิกงานตนจะสับสวิทเมนใหญ่ที่คุมเครื่องจักรทั้งหมดปิดลง ส่วนเครื่องจักรมีตัวนึงราคาแสนกว่าบาท และนอกนั้นราคาอยู่ประมาณ 4-5 หมื่น และไม้พาเลทบางส่วนที่ได้รับความเสียหายที่ถูกไหม้ ส่วนสาเหตุรถไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดจากอะไรเดี๋ยวรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกที

 นาย ปริญา คงเล่ง อายุ 27 ปี เล่าว่า ตนอาบน้ำเพิ่งเสร็จ พอออกมาจากห้องน้ำ น้าสาวก็มาบอกตนว่ามีไฟไหม้โรงงาน ตนเลยรีบไปดูพบว่าไฟกำลังเครื่องจักรและไม้ในโรงงาน ตนจึงวิ่งไปแจ้งชาวบ้านแถวนั้นพร้อมโทรแจ้งรถดับเพลิงใช้เวลาดับประมาณเกือบชั่วโมง ตอนเกิดเหตุโรงงานนี้ไม่ได้ทำงานและไม่มีคนงานอยู่ ตอนเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 21 พ.ย.น้องชายของเจ้าของโรงงานเพิ่งจะกลับไป โรงงานนี้มีพนักงานหลายคน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดกั้นที่เกิดเหตุ เพื่อรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งภายหลัง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป