สลด!ช่างรถเมล์ ถอยหลังทับสาวใหญ่กระเป๋ารถเมล์ดับต่อหน้าสามี

สลด!ช่างรถเมล์ ถอยหลังทับสาวใหญ่กระเป๋ารถเมล์ดับต่อหน้าสามี





ad1

เมื่อวันที่ 20 ม.ค.67 ที่บริเวณอู่รถเมล์ของเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ย่านสุขสวัสดิ์ เกิดอุบัติเหตุรถเมล์ปรับอากาศ  ทะเบียน 16-6348 กรุงเทพฯ สาย 82 วิ่งให้บริการพระประแดง - บางลำพู ได้ถอยทับ พนักงานเก็บค่าโดยสารเสียชีวิต 1 ราย สภาพศพคว่ำหน้า เอามือขวาปิดตา 

จากการสอบถาม นายอภิชาติ จั่นจำรัส อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นพนักงานขับรถเมล์ และเป็นสามีของผู้เสียชีวิตได้เล่าว่า ภรรยาของตนเป็นพนักงานเก็บค่าโดยสาร มานานกว่า 10 ปี ซึ่งขณะนั้นภรรยาของตนกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นจังหวะที่รถเมล์คันดังกล่าวกำลังวิ่งเข้าไปเติมเชื้อเพลิง ซึ่งตนก็ได้พยายามตะโกนบอกคนขับรถมีคันดังกล่าวแล้วว่าอย่าเพิ่งถอยรถเพราะยังมีคนอยู่ แต่คนขับรถเมล์ก็ไม่ได้ยินและไม่เห็นว่าภรรยาของตนยังอยู่ที่ท้ายรถ ทำให้ถอยรถมาชนภรรยาของตนจนเสียชีวิต 

ต่อมาเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจ สน. ราษฎร์บูรณะ เจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู และแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช ได้เข้ามาร่วมกันตรวจสอบสภาพศพ 

ขณะที่ ผู้จัดการอู่รถเมล์ เข้าไปทำข่าวและขอให้อยู่นอกบริเวณอู่รถเมล์เท่านั้น 

สอบสวน นายสุรศักดิ์ฯ ให้การว่า ตนเป็นนายช่างประจำอู่รถเมล์สาย 35 ก่อนเกิดเหตุตนจะถอยรถไปจอดในช่องจอดรถแต่มองไม่เห็นผู้ตายจึงทำให้รถทับผู้ตายเสียชีวิต นอกจากนี้มีรายงานระบุว่านายสุรศักดิ์ฯ มักจะมีการขับรถที่ใช้ความเร็วเกินกว่าจำเป็นอยู่บ่อยครั้ง 

ด้าน พ.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุอาจเป็นอุบัติเหตุ โดยอยู่ระหว่างการสอบปากคำตัวคนขับขี่ ก่อนพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ขณะที่นางวิรินรดา มณีโชติ รองผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัทไทย สมายล์ บัส จำกัด ได้ออกมายืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุ หลังจากที่รถเมล์ปรับอากาศคันดังกล่าว ได้ทำการซ่อมบำรุงเสร็จแล้ว ซึ่งคนขับกำลังจะนำรถออกมาตรวจสอบ แต่ในขณะนั้น ผู้เสียชีวิตก้มหน้าใช้โทรศัพท์มือถือ ในมุมอับสายตาของคนขับรถเมล์ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมจะดูแลเยียวยา สวัสดิการทุกอย่างของผู้เสียชีวิต ส่วนคนขับรถเมล์ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง 

นอกจากนี้ นางวิรินรดายังยืนอีกว่า บริษัทมีความกำชับเรื่องของมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา