นักวิชการ มข.ระบุ หากก้าวไกลไม่ถูกยุบจะเป็นพยัคฆ์ติดปีก-ประเทศเกิดเปลี่ยนแปลงแน่

นักวิชการ มข.ระบุ หากก้าวไกลไม่ถูกยุบจะเป็นพยัคฆ์ติดปีก-ประเทศเกิดเปลี่ยนแปลงแน่





ad1

นักวิชการ มข.ระบุ หากก้าวไกลไม่ถูกยุบ จะเป็นพยัคฆ์ติดปีกโบยบินในวงการการเมืองและเกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศแน่ แต่ก็ไม่มั่นใจในคำวินิจฉัยเพราะฝั่งอนุรักษ์นิยมจ้องยุบชัดเจน คาดไม่มี สส.แตกแถว

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 30 ม.ค.2567 ที่ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. รศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มข. เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีหาเสียงของพรรคก้าวไกล ยกเลิก มาตรา 112 ในวันพรุ่งนี้ ( 31 ม.ค.) ซึ่งหากพรรคก้าวไกลรอด พรรคก้าวไกลก็จะเหมือนพยัคฆ์ติดปีก  จะโบยบินและได้คะแนนเพิ่ม พรรคก้าวไกลก็ชนะการเลือกตั้งเหมือนเดิม ส่วนจะจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ต้องดูอีกที เพราะสังคมไทยก็ยังเหมือนเดิมไม่พัฒนาประชาธิปไตยแบบหลายๆประเทศ ซึ่งในประเทศที่ได้รับการพํฒนาแล้วพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งก็จะได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ของไทยไม่เป็นเช่นนั้น จะมีมือที่มองไม่เห็น อยู่มากมาย มีอำนาจมืด  ซับซ้อน สังคมไทยมีอำนาจนิยมและอนุรักษ์นิยมเดินไปด้วยกัน ความอนุรักษ์นิยมฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน เป็นอิทธิพลและลงลึกนระบบราชการไทยมานาน

“ ดังนั้นโอกาสที่พรรคก้าวไกลจะโดนยุบพรรคก็จะมีสูงเนื่องจากกลไกลของรัฐและองค์กรอิสระ  โดยที่ศาลรัฐธรมูญก็คือองค์กรอิสระ ก็ยังคงมีความเป็นอนุรักษ์นิยมอยู่ ประชาธิปไตยต้องการการเปลี่ยนแปลง  แต่อนุรักษ์นิยมต้องการรักษาสถานะเดิมไว้ ทั้งนี้ผมเชื่อตามการวิเคราะห์ เพราะองค์กรของรัฐและกลไกของรัฐ มีความเป็นอนุรักษ์นิยม  แต่โดยสว่นตัวและมองในแง่ของกฎหมาย  ม.112 เป็นความผิดทางอาญา  เป็นเรื่องของหมิ่นประมาท ดูหมิ่น  หรืออาฆมาตมาตรร้าย  ตอ่พระมหากษัตริย์  พระราชินี รัฐทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์  แม้ ม.112 จะอยู่ในหมวดของความมั่นคงของราชอาณาจักร  แต่เป็นเรื่องการดูหมิ่น ไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งหากเป็นการล้มล้างการปกครอง จะเป็น ม.113 ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ได้ล้มล้างแต่เป็นการเสนอการเปลี่ยนแปลง ม.112 ซึ่ง ม.112 เคยถูกแก้ไขมาแล้ว หลังวันที่ 6  ต.ค.2519 โดยคณะการปกครอง ซึ่งคือการเปลี่ยนแปลงโดยทหาร  ซึ่งครั้งนี้คือการเสนอการแก้ไขแต่ไม่ใช่การล้มล้าง

รศ.ดร.พรอัมรินทร์  กล่าวต่ออีกว่า เดาใจ ศาลรัฐธรรมนูญยาก ว่าเราจะคิดอย่างไร  ท่านจะวินิจฉัยอย่างไร เองนี้เดาใจยาก ซึ่งแม้จะยุบหรือไม่ยุบ ก็จะมีผลบวกกับพรรคก้าวไกลเพราะตอนนี้พรรคก้าวไกลนั้นหยั่งรากลึกไปทุกพื้นที่ในการเป็นสถาบันการเมืองที่ชัดเจน  เป็นที่นิยม เป้นที่ศรัทธา คนเชื่อมั่นว่ามีพรรคก้าวไกลเท่านัน้ที่จะกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง สังคมไทยในทางที่ดีขึ้น และทำให้เห็นจริง อย่างไรก็ดีสำหรับคุณพิธา ที่รอดคดีนั้นชัดเจนแล้วว่าตอนนี้เค้ากลับมาแล้ว มาทำงานในสภาฯแล้ว กระแสนิยม ทุกคนยอมรับด้วยดุษฎีและมติมหาชน คนจำนวนมากที่ลงคะแนนให้กับก้าวไกล ซึ่งทุกคนเชื่อมั่นในตัวพรรคและคุณพิธา

“ คุณพิธามีบุคลิกภาพเป็นที่ดึงดูด สุภาพ ถ่อมตน พูดจาดี หน้าตาดี เป็นที่ถูกใจของแม่ยกทั้งหลาย  ดังนั้นต้องรอผลการตัดสินว่าจะออกมารุปแบบใด หากพรรคไปต่อคุณพิธาก็จะกลับมาเป้นผู้นำฝ่ายค้านและหากพรรคถูกยุบ เชื่อว่าพรรคก้าวไกล เตรียมคณะทำงานรุ่นที่ 3 และ 4 ไว้แล้ว ส่วน ส.ส.นั้นเชื่อว่า น่าจะย้ายไปสังกัดพรรคเป็นธรรม พรรคไทยสร้างไทยและอาจจะถึงพรรคเพื่อไทย แต่ก็จะมีบางส่วนที่ไปอยู่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งหากใครจริงไปรับรองว่าไม่ได้เกิดแน่”