'ก้าวไกล'แจงไร้เจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ชี้ คำวินิจฉัยกระทบประชาธิปไตย-สิทธิเสรีภาพประชาชน

'ก้าวไกล'แจงไร้เจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ชี้ คำวินิจฉัยกระทบประชาธิปไตย-สิทธิเสรีภาพประชาชน





ad1

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 นายชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความเห็นของพรรคก้าวไกล ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสอง คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ว่า แม้ศาลจะวินิจฉัยว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง 

“แต่พรรคก้าวไกลขอยืนยันอีกครั้งว่า เราไม่ได้มีเจตนาเพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลาย หรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากชาติแต่อย่างใด”

นอกจากนี้ พวกเรายังกังวลว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเมืองไทยในระยะยาวอีกด้วย เช่น อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ กับศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต อาจกระทบต่อความเข้าใจและการให้ความหมายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หลักการสำคัญของระบอบการเมืองไม่มีความชัดเจน แน่นอน สิ่งที่เคยกระทำได้ในอดีต ทั้งสมัยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือสมัยระบอบประชาธิปไตย อาจกลายเป็นการล้มล้างการปกครองได้ในปัจจุบันและอนาคต 

อีกทั้ง ยังอาจจะกระทบถึงการตีความว่าอะไรคือการล้มล้างการปกครอง อาจเกิดปัญหาที่พวกเราเข้าใจหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน แน่นอนไม่ตรงกัน มีความคลุมเครือทั้งในแง่การตีความข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเจตนา 

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า คำวินิจฉัยวันนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตยกับสถาบันในระบอบการเมืองไทยในอนาคต และยังอาจทำให้สังไทยสูญเสียโอกาสในการใช้ระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยในการหาข้อยุติความขัดแย้งหรือความเห็นต่างกันในสังคมในอนาคต และสุดท้าย คำวินิจฉัยในวันนี้ อาจส่งผลให้ประเด็นเรื่องสถาบันกลายเป็นปมปัญหาความขัดแย้งในการเมืองไทยมากยิ่งขึ้น ส่งอาจส่งผลกระทบด้านลบต่อสถาบันเสียเอ