ยกย่อง!ผัวเมียตาบอดสู้ชีวิต ทำไร่หว่านแหหากินตามลำพังไม่เคยท้อชีวิต

ยกย่อง!ผัวเมียตาบอดสู้ชีวิต ทำไร่หว่านแหหากินตามลำพังไม่เคยท้อชีวิต





ad1

จุดพลิกผันชีวิตของ "อิต ปิ่นกระโทก" อายุ 53 ปี ชาวบ้านสระตะเคียน ต.สระตะเคียน อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา จากเด็กหนุ่มกำลังจะเริ่มต้นก่อร่างสร้างตัว กลับต้องมาเสียดวงตาทั้งสองข้างไปกะทันหัน จนเกือบจะคิดสั้นจบชีวิตตนเอง แต่ด้วยความมานะพยายามและอดทน ไม่เคยท้อชีวิตทำให้สามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง แม้ว่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับโลกที่มืดมิดตลอดไป แต่ดีกว่ายอมแพ้ชะตากรรม จนมาวันนี้ สามารถจะใช้ชีวิต ทำมาหากินเลี้ยงตัวและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้เฉกเช่นคนทั่วไป  โดยมีภรรยาคู่ใจที่พิการตาบอดทั้งสองข้างเหมือนกัน แต่ทั้งคู่ก็มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นความหวังและเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ ซึ่งตอนนี้ลูกชายกำลังเรียนอยู่ชั้น ม. 2 สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก

อิต บอกว่า ต้องมาเสียตาทั้งสองข้างไปจากอุบัติเหตุศีรษะชนเข้ากับขอบโต๊ะ เมื่อตอนอายุประมาณ 15 ปีเศษ  ทำให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรง ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล  แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ซ้ำยังเลวร้ายลง เพราะศีรษะบวมเป่ง ตาปิด มองอะไรไม่เห็น จนต้องถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลประจำอำเภอ เข้าไปรักษายังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาในตัวจังหวัด ผ่านไปกว่า 1 เดือน สุดท้ายก็รักษาไม่ได้ เพราะมีปัญหากับระบบประสาทตา จนต้องเสียตาทั้ง 2 ข้างไปในที่สุด  ตอนแรกที่รู้ว่า ตาบอดทั้ง 2 ข้าง รู้สึกท้อแท้ต่อชีวิต จนคิดอยากจะฆ่าตัวตาย  เพราะทำอะไรไม่ได้ อยู่แค่คอยไล่ไก่หน้าบ้านไปวันๆ แต่เมื่อได้ใช้เวลาคิดทบทวนอยู่กับตัวเองหลายปี  ก็เริ่มจะอยากมีชีวิตต่อไปอีกครั้ง  จึงพยายามฝึกหัดทำในสิ่งที่คนตาปกติทำกัน เริ่มตั้งแต่การอาบน้ำ กินข้าว ทำกับข้าว หุงหาอาหาร ไปจนถึง การทำงานนอกบ้าน อย่างเช่น  ดายหญ้า เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู จนไม่ต้องเป็นภาระของครอบครัวให้ต้องมาดูแลอีก

จากนั้น ได้ตัดสินใจอยากจะมีอาชีพหาเงินเพื่อดูแลส่งเสียตัวเอง จึงไปเข้ารับการอบรมฝึกทักษะอาชีพการนวดแผนไทย จนมีโอกาสไปพบรักกับภรรยาที่พิการตาบอดทั้ง 2 ข้างเช่นเดียวกัน จากนั้น ก็พากันมาเริ่มต้นชีวิตที่บ้านเกิด อยู่กินกันมาจนมีลูกชาย 1 คน ตอนนี้เรียนอยู่ในชั้น ม. 2 แล้ว ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิตของตนและภรรยา แม้ว่าจะต้องตาบอด แต่ก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกชายคนนี้ได้เรียนสูงที่สุด  เพื่อจะได้มีความรู้ มีอาชีพการงานที่ดี และดูแลตัวเองได้ต่อไปในอนาคตก็เพียงพอแล้ว 

ด้าน "จำปี ปิ่นกระโทก" อายุ 75 ปี มารดาของ "อิต" เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกๆ ที่ลูกชายเริ่มตาบอด ตนก็ต้องดูแลเป็นพิเศษหุงหาอาหารและทำกิจวัตรประจำวันให้  แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 ปี ลูกชายก็เริ่มจะเรียนรู้ด้วยตนเอง จนสามารถทำทุกอย่างได้  จากนั้น ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถหุงหาอาหาร ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ ได้ทั้งหมด มีรายได้เป็นของตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว ซึ่งส่วนตัวรู้สึกดีใจมาก  เพราะที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่า ลูกจะกลับมามีชีวิตเหมือนเช่นปกติอย่างนี้ได้  ตอนนั้นบอกกับหมอว่า ให้เอาตาตัวเองไปใส่ให้ลูกชายแทนได้ไหม แต่หมอบอกว่า ประสาทตาเสียไปแล้ว เปลี่ยนให้ไม่ได้ รู้สึกเสียใจอย่างมาก จึงทำใจนำลูกกลับมาดูแลและให้กำลังใจกันตามประสา ผ่านมาถึงวันนี้ ลูกชายเติบโตมีครอบครัวมีลูก ตนก็มีหลาน ถือเป็นความภูมิใจที่สุดแล้ว

ทุกวันนี้ "อิต" แยกตัวออกจากครอบครัวใหญ่ ไปอาศัยอยู่กับภรรยาตาบอด มานานกว่า 15 ปีแล้ว ทำไร่มันสำปะหลังและใช้ทักษะการนวดแผนไทยที่ร่ำเรียนมา  รับจ้างหารายได้เสริมดูแลครอบครัว และส่งเสียลูกเรียนหนังสือ รวมถึง ได้รับเงินผู้พิการจากทางภาครัฐ ว่างๆ ก็จะออกไปหว่านแห หาปูหาปลากับเพื่อนบ้าน เหมือนเช่นคนปกติทั่วไป แต่ต้องอยู่ในสายตาของคนรอบข้าง  แม้ว่าจะใช้ชีวิตได้ไม่เต็มร้อย  แต่เท่านี้ก็พิเศษและมหัศจรรย์มากแล้วสำหรับชีวิตคนที่พิการตาบอดทั้ง 2 ข้างเช่นนี้

นายอิตฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “อยากฝากไปถึงคนที่กำลังท้อแท้ในชีวิต ว่า ความพยายามและความตั้งใจจริง จะสามารถทำให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงได้ จงทำใจและพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่  ขอให้เดินหน้าสู้ต่อไป  สักวันชีวิตจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน”

โดย...ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ/นครราชสีมา