"สท.-คนสนิทกำนัน" ดวลเดือดหน้าผับดังพัทลุง ตาย 1 เจ็บ 1

"สท.-คนสนิทกำนัน" ดวลเดือดหน้าผับดังพัทลุง ตาย 1 เจ็บ 1





ad1

เมืองพัทลุงดุ "สท.หนุ่ม" ดวลปืนเดือด "คนสนิทกำนัน" หน้าสถานบันเทิงชื่อดัง เสียชีวิต 1 เจ็บ 1 เมียคนเจ็บยืนยันไม่รู้จักและไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับอีกฝ่ายมาก่อน

เมื่อเวลา 01.20 น. วันที่ 19 มี.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ควนขนุน รับแจ้งเหตุยิงกันตาย บริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนสายเพชรเกษม หมู่ 10 ต.โตนดด้วน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จึงเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. ตกอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าร้าน 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า มีเหตุดวลปืนกันระหว่าง นายเอกสิทธิ์ มันแก้ว อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง คนสนิทกำนันตำบลปันแต กับ นายอนุชิต เอียดมาก อายุ 39 ปี สท.เทศบาลตำบลแหลมโตนด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ส่งผลให้ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ นายอนุชิต ถูกภรรยานำตัวส่งรักษาที่ รพ.ป่าพะยอม ส่วน นายเอกสิทธิ์ ถูกนำตัวส่ง รพ.ควนขนุน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากการสอบสวน นางจิราวดี เอียดมาก อายุ 36 ปี ภรรยานายอนุชิต ให้การว่า เธอและสามีไปเที่ยวสถานบันเทิงชื่อดังใน จ.พัทลุง ขณะที่เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะกับสามี สท.หนุน ซึ่งรู้จักกับสามีตน ได้เดินมาตามสามีตนที่โต๊ะ ให้สามีตนไปที่โต๊ะของเขา บอกว่าพี่เขาอยากรู้จัก จากนั้นสามีตนจึงเดินไปที่โต๊ะดังกล่าว ซึ่งมี สท.หนุน นั่งอยู่กับพวก 6 คน หลังจากนั้นประมาณ 2 นาที สามีตนก็เดินกลับมาที่โต๊ะแล้วบอกว่า หนึ่งในกลุ่มของ สท.หนุน พูดกับเขาเป็นภาษาใต้ว่า "อย่าทำเอิดแรง" แต่สามีเธอไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เดินกลับมาที่โต๊ะ

"ตนและสามีนั่งต่อจนร้านปิด ขณะที่เธอเดินกอดคอกับสามีออกมาจากร้าน เพื่อไปเอารถได้ยินเสียงเหมือนคนห้ามว่าอย่ายิง เธอและสามีจึงหันไปดู เห็นคนที่พูดใส่สามีเธอชักปืนออกมายิง กระสุนถูกขาสามีตน สามีจึงชักปืนยิงสวนออกไป ตนอาศัยช่วงชุลมุนรีบพาสามีที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถ แล้วพาไปส่ง รพ.ป่าพะยอม ซึ่งอยู่ต่างอำเภอ เพราะไม่กล้าพาไปที่ รพ.ควนขนุน กลัวจะเกิดปัญหากับอีกฝ่าย เมื่อหมอทำแผลเสร็จ ตนจึงพาสามีเดินทางกลับมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ควนขนุน ยืนยันสามีตนไม่เคยรู้จักกับคนยิง และไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อน" นางจิราวดี กล่าว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อหา นายอนุชิต ในข้อหา "พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และฆ่าผู้อื่น" ส่วนจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่นั่น ทางตำรวจจะทำการสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป