ขยาย 10 เลนถนนชัยพฤกษ์ คืบหน้าแล้ว 67% เปิดใช้ได้ปลายปี' 67

ขยาย 10 เลนถนนชัยพฤกษ์ คืบหน้าแล้ว 67% เปิดใช้ได้ปลายปี' 67





ad1

กรมทางหลวงชนบท ขยายถนนชัยพฤกษ์ 10 เลน งบ 902 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 67% เป้าเสร็จปลายปี 2567 นี้ช่วยแก้ไขการจราจรติดขัด เพิ่มศักยภาพการเดินทาง กรุงเทพฯ - นนทบุรี - ปทุมธานี ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินโครงการขยายถนนชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี รวมระยะทาง 6.892 กิโลเมตร ให้เป็น 10 ช่องจราจร ใช้งบประมาณก่อสร้าง 902 ล้านบาทมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 67 ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระอุดม งานปูผิวจราจรแอสฟัลท์คอนกรีต และงานก่อสร้างทางเท้า คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ และเปิดให้ประชาชนได้ใช้สัญจรในช่วงปลายปี 2567 นี้

โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น งานก่อสร้างปรับปรุงถนนคู่ขนานระดับดิน ขนาด 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง จากเชิงลาดสะพานพระราม 4 ถึงทางแยกต่างระดับถนนราชพฤกษ์ และงานปรับปรุงขยายผิวจราจร ขนาด 1 ช่องจราจรต่อทิศทาง จากทางแยกต่างระดับถนนราชพฤกษ์ถึงถนนบางกรวย - ไทรน้อย รวมระยะทาง 6.892 กิโลเมตร พร้อมก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระอุดม สะพานข้ามคลองบางภูมิ 4 แห่ง และงานก่อสร้างทางเท้า ระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง


ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้งานของถนนชัยพฤกษ์ให้สมบูรณ์ สามารถรองรับปริมาณการจราจรได้มากขึ้น เป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด แบ่งเบาการจราจรที่ต้องการเดินทางออกนอกเมืองในช่วงเวลาเร่งด่วนได้เป็นอย่างดี เพื่อความสะดวกรวดเร็วปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน และสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในระยะยาวอีกด้วย


เนื่องจากปัจจุบันถนนชัยพฤกษ์เป็นถนนขนาด 6 ช่องจราจร มีปริมาณจราจรสูงกว่า 40,000 คันต่อวัน ส่งผลให้ถนนชัยพฤกษ์มีสภาพการจราจรที่หนาแน่น และมีแนวโน้มที่จะติดขัดมากขึ้น ประกอบกับเมื่อถนนราชพฤกษ์ - ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ - ใต้) เปิดใช้งาน ทำให้ถนนชัยพฤกษ์สามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่จังหวัดปทุมธานีได้รวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น จึงเป็นการดึงดูดปริมาณจราจรคตให้เข้ามาใช้เส้นทางถนนชัยพฤกษ์มากตามไปด้วย


โดยในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ทช. ได้ทำการติดตั้งแบริเออร์ และป้ายเตือนลดความเร็วเพื่อให้ประชาชนสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน จึงขอความร่วมมือให้ผู้ใช้เส้นทางโปรดสังเกตป้ายจราจร รวมถึงปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนต่อไป