"ป๋าชู" จัดหนักอดีตตร. ลั่น กระทงไม่ต้อง กระทืบดีกว่า

กระทงไม่ต้อง กระทืบดีกว่า

"ป๋าชู" จัดหนักอดีตตร. ลั่น กระทงไม่ต้อง กระทืบดีกว่า





ad1

09 พ.ย. 2565   นายชูวิทย์  กมลวิศิษฎ์  อดีตนักการเมืองดัง ได้ออกมาจัดหนักระบุ ตร.ที่โดนไล่ออกจากราชการเมื่อ 20 ปีก่อน เคยถูกคนดักยิง หนีหัวซุกหัวซุน อ้างพล.อ.เสรีพิศุทธ์เรียกตร.เช่นนี้ว่า "โจรในเครื่องแบบ"  โดยข้อความมีดังนี้ว่า

กระทงไม่ต้อง กระทืบดีกว่า
.
ตำรวจที่โดนไล่ออกจากราชการ เคยถูกคนดักยิงกระบาลจนคนขับรถตายคาที่ ตัวเองหนีหัวซุกหัวซุน เมื่อ 20 กว่าปีก่อน
.
ไปถาม ท่านเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เรียกตำรวจพรรค์นี้ว่า “โจรในเครื่องแบบ” แต่มาวันนี้ เริ่มกลับมาออกลายสันดานเดิม
.
ผมยืนยัน ความจำแม่น เมื่อผมเริ่มทำธุรกิจ อาบอบนวด ปี 2535 ตำรวจนอกรีตที่คอยไปรีดไถ แสดงท่าเป็นนายตำรวจหากินกับเครื่องแบบตามสถานที่อโคจร บ่อน บาร์ อาบอบนวด มีอยู่ไม่กี่คน และผมไม่จำเป็นต้องไปตีสนิทให้เสนียดจัญไรติด เพราะมีมากอยู่แล้ว  ผมสายแข็ง จ่ายราคาตั๋วเด็ก ในวงการเขารู้กัน   ระดับตำรวจ “นักบิน” ร่อนไปมาอย่างไอ้นี่ เดินจนส้นเท้าสึกก็ไม่ได้ค่าส่วยแม้แต่บาทเดียว  ยืนยันว่าไม่ได้รู้จัก หน้าไม่เคยเห็น ชื่อไม่กระดิกหู
.
เพิ่งมารู้จักตอนทำตัวบ้าจัด ถอดเสื้อโชว์หัวนม ร้องห่มร้องไห้ หลัง “บิ๊กโจ๊ก” นำตำรวจไปบุกจับ สมัยหากินเก็บค่าจอดรถแถวตลาดดอนเมืองแม้แต่ตำรวจด้วยกันยังส่ายหน้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย  ความกระสันอยากสร้าง “เครดิต” ในวงการสีเทาไม่หยุดหย่อน แสร้งทำตัวรู้จักคนนั้น เคยคุยกับคนนี้ เรียกราคา มาเฟียบ่อนโน้น ผับนี้ เดินสายอาละวาดขอเศษตังค์ไปทั่ว จนทุกที่รำคาญ
.
ทำทีว่าเป็น “ผู้กว้างขวางระดับตลาดนัด” พูดเสียงดังโวยวาย รู้ไปทุกเรื่อง เสือกไปทุกอย่าง แต่เดินทรงนี้ บ่อนไหนใช้บริการงานเข้าแน่นอน จึงต้องไปหากินกับทุนจีนที่ไม่รู้เรื่อง  แล้วยังเสร่อเสนอหน้าไปช่วยไปเคลียร์อะไรให้ใคร ล้วนติดคุกกันหมด ไล่ตั้งแต่ “หลงจู๊สมชาย” บ่อนระยอง ติดคุก  “เสี่ยโป้” ติดคุก ประกันตัวไม่ได้  “เดวิด เบบี้เฟส“ ประกันตัวไม่ได้ และกำลังมีแนวโน้มถูกเนรเทศกลับจีน   ส่วนจีนที่เหลือบินหนีต่างประเทศโกยแนบ
.
แม้แต่เรื่อง “แตงโม” มันยังไปเสือกกับเค้า รู้อย่างนั้นรู้อย่างนี้ แต่ท้ายสุดหายเงียบ
.
“เจ้าพ่อเมืองหลวง” สีเทาการเมืองที่การข่าวดี รู้ทัน ตีตัวห่างเสียก่อน เพราะตอนนี้กระสุนเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่ ขืนให้ “ตำรวจนอกรีต” มาออกหน้า มีหวังซวยชิบหายกันพอดี ต้องนิ่งรอคลื่นลมสงบ
.
คนอย่างผมหากจะเล่นงานใครต้องมีสาระ มีข้อมูล ไม่ใช้วิธีนุ่งกระโปรง ฟ้อนเล็บ ไปหยิก ไปข่วน ใส่สีตีไข่ เอะอะเสียงดัง แต่สั่นเครือ หายใจไม่ทัน เพราะเอาแต่ตะเบงเสียงอย่างเดียว ที่แท้ “บ่มิไก๊” ไม่มีอะไร
.
มิน่าเป็นตำรวจไม่ได้ เป็นได้แค่นักเลงคุมบ่อน  ผมมันแก่แล้ว ผ่านอะไรมามากพอ รู้อะไรเป็นอะไร หากออกมาแฉ เอาที่เป็นประโยชน์กับสังคมดีกว่าแต่ดันมาหาเรื่องผมถึงหน้าบ้าน หากไม่จัดก็ไม่ใช่ชูวิทย์แล้ว โดยเฉพาะมาป้ายสีผมแบบน่าขยะแขยง   คนมันบ้า เพราะโดนเจาะกล่องรายได้ เลยแปรสภาพเป็น “หมาบ้า” ที่ไม่มีเจ้าของ ไม่มีต้นสังกัด ไม่มีปลอกคอ ไล่กัดเขาไปทั่ว ขืนปล่อยต่อไป จะไล่กัดชาวบ้าน หรือกัดตำรวจด้วยกันเอง  แล้วไปๆ มาๆ ยังมากัดผมที่ปกป้องสังคมไทยจากจีนสีเทา ที่กอบโกยผลประโยชน์ประเทศไทย     คิดว่ามาเห่าแบบนี้แล้วคนอย่างผมจะกลัว
.
หลงว่าตัวเองยังเป็นตำรวจ ทั้งๆ ที่โดนไล่ออกจากราชการ เดินทรงนี้น่าจะไปคุมคิวรถ วินมอเตอร์ไซค์ตามตลาดข้างทางเสียมากกว่า
.
แล้วหากจะฟ้องก็ฟ้องได้ เมื่อฟ้องมาผมก็ฟ้องกลับ ข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพราะมากล่าวหาว่าผมเป็นเจ้าของสถานที่ รู้เห็นเป็นใจ สนับสนุนให้มีการเสพยา
.
ชนเป็นชน เพราะเครื่องผมติดแล้ว
.
ผมเคยติดคุกมา 3 รอบ ต้องถามกลับ ไอ้นี่เคยติดคุกหรือยัง?
.
เพราะอดีตตำรวจนอกรีต หากหลุดเข้าคุก ไม่ใช่จะไปเห่าได้เก่งเหมือนข้างนอกนะครับ
.
ข้างในไม่มีใครกลัวใคร อาจจะโดนต้อนรับด้วย “ท่าคลานบิณฑบาต” ตบรอบแดน
.
บรรดาตำรวจเชียร์ให้ผมจัดการคนสันดาน ”หมาบ้า ล่ากระดูก เก็บเศษอาหาร คุ้ยกองขยะ” อยู่ครับ
.
วันนี้ กระทงไม่ต้อง กระทืบดีกว่า