แม่ค้าชาวสมุทรสาครโอนเงินผิดเกือบ 3 แสนไปเข้าบัญชีสาวที่บุรีรัมย์ ธนาคารโยนกันไปมา ต้องลุยทวงเอง คนรับเอาไปใช้เพลิน ได้คืนมาแค่ 1.6 แสน บอกไม่มีจะคืนขอยอมติดคุกแทน

แม่ค้าชาวสมุทรสาครโอนเงินผิดเกือบ 3 แสนไปเข้าบัญชีสาวที่บุรีรัมย์

แม่ค้าชาวสมุทรสาครโอนเงินผิดเกือบ 3 แสนไปเข้าบัญชีสาวที่บุรีรัมย์ ธนาคารโยนกันไปมา ต้องลุยทวงเอง คนรับเอาไปใช้เพลิน ได้คืนมาแค่ 1.6 แสน บอกไม่มีจะคืนขอยอมติดคุกแทน





ad1

วันที่ 15 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.วรรณ ชวดพงษ์ อายุ 40 ปี ชาวสมุทรสาครว่า ตนได้โอนเงินผิดบัญชีเงินไปเข้าบัญชีของผู้หญิงในจังหวัดบุรีรัมย์ ต้องลำบากวิ่งเต้นสืบสวนเอง ไม่สามารถพึ่งธนาคารอายัดเงินไว้ได้ทัน
.
น.ส.วรรณ เล่าว่าตนประกอบธุรกิจร้านขายส่งหมูหมัก เมื่อวันที่ 2 8เม.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 08.30 น. ตนใช้แอปธนาคารแห่งหนึ่งโอนเงินค่าเนื้อหมูให้กับคู่ค้าที่เพิ่งค้าขายด้วยกันเป็นครั้งแรกจำนวน 293,439 บาท
.
หลังโอนได้ส่งสลิปไปให้คู่ค้าดูได้รับคำตอบว่าใบสลิปไม่ใช่ชื่อเขา เมื่อมาตรวจสอบหมายเลขบัญชีพบว่าตัวเองกดเลขผิดจากเลข 1 เป็นเลข 7 แล้วเงินไปเข้าบัญชีชื่อผู้หญิงที่ชื่อว่า นางเสาวณีย์ ตนว่าโอนเงินผิดภายใน 2 นาที จึงให้สามีซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีเดินทางไปที่ธนาคารทันที ส่วนตัวเองติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารโดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าไม่สามารถอายัดบัญชีได้เพราะไม่มีหน้าที่โดยตรงจะต้องไปที่ธนาคารสาขา ทันใดนั้นสามีได้โทรศัพท์แจ้งมาว่าธนาคารแจ้งว่า "ต้องติดต่อคอลเซ็นเตอร์” เพราะรวดเร็วกว่าและให้ไปแจ้งความเอาหลักฐานมายืนยันกับธนาคาร
.
ต่อมาเวลา 10.51 น. ตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เอาหลักฐานไปแจ้งธนาคารเพื่อให้อายัดบัญชีไว้ก่อน แต่ธนาคารให้กลับไปแก้ไขเวลาการแจ้งความอีกเพราะเวลาที่โอนเป็น 08.30 น. แต่เวลาแจ้งเป็นเวลา 10.51 น.ต้องแก้ให้เป็น 08.30 น.เป็นเวลาแจ้งสุดท้าย ได้รับคำตอบจากธนาคารสาขาว่าไม่สามารถอายัดได้จะต้องส่งเรื่องไปที่สำนักงานใหญ่ก่อนตามขั้นตอน
.
ตนรู้สึกว่าไม่ทันการณ์จึงให้ทีมงานค้นหาเฟซบุ๊กไปบุคคลชื่อ นางเสาวณีย์ ก็พบชื่อ ตนจึงขอแอดเป็นเพื่อนแต่เขาไม่รับแอด จากนั้นได้ให้ทีมงานระดมค้นหาบุคคลที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดจนกระทั่งไปพบญาติพี่น้องของ นางเสาวณีย์หลายคน ต่อมาได้เบอร์โทรของนางเสาวณีย์มาแล้วโทรหา แต่ปลายสายไม่ยอมรับว่าเป็นตัวเองแล้วก็วางสายไป
.
จากนั้น ตนสามารถติดต่อลูกสาวของ นางเสาวณีย์ได้ยอมรับว่าแม่โอนเงินให้จำนวน 50,000 บาท เอาไปปิดค่างวดรถ 20,000 บาท เหลือเงิน 30,000 บาท ลูกสาวของ นางเสาวณีย์ได้รับปากว่าขอโอนให้ก่อน ที่เหลือจะผ่อนชำระให้ ซึ่งตนก็ยอม และมาทราบต่อมาอีกว่า นางเสาวณีย์ยังเอาเงินไปซื้อทองน้ำหนัก 1 บาทและซื้อรถมอเตอร์ไซค์อีก 1 คัน ตนจึงติดต่อตำรวจให้ไปประสานร้านทอง ร้านทองยอมโอนเงินคืนให้ 30,000 บาท หลังจากตำรวจไปเอาทองจาก นางเสาวณีย์มาคืนให้ร้านทอง
.
น.ส.วรรณ เจ้าของเงินบอกอีกว่า รวมทั้งหมดที่ นางเสาวณีย์โยกย้ายเงินและไปซื้อสินค้ารวม 5 คน ได้เงินคืนมาแล้ว 150,000 บาท หลังจากตนเอาไปแชร์ในเพจศูนย์แจ้งข่าวบุรีรัมย์ นางเสาวณีย์โทรกลับมาหาบอกจะโอนเงินคืนให้ 55,000 บาท ที่เหลือจะขอผ่อนชำระตนก็ยอมอีก
.
สุดท้าย นางเสาวณีย์โอนมาคืนให้เพียง 10,000 บาท เมื่อโทรไปถามกลับตอบว่า "ใช้หมดแล้ว” ที่เหลือไม่มีจะยอมติดคุกแทน สรุปตนได้เงินกลับคืนมาทั้งหมด 160,000 บาท ยังคงค้างอีกจำนวน 133,439 บาท หลังจากนี้จะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายเพราะได้แจ้งความเอาไว้แล้ว
.
น.ส.วรรณ บอกด้วยว่า ความรู้สึกส่วนตัวยอมรับว่าเสียใจทำไมคนเราไม่ยึดหลักศีลธรรมไม่ใช่ของตนก็อยากได้ และอยากฝากถึงธนาคารทุกแห่งว่ากรณีแบบนี้หากลูกค้าธนาคารยืนยันตัวตนชัดเจนน่าจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้สมกับที่โฆษณาเอาไว้