ประชาชาติลุยเปิดศูนย์ฯสุไหงปาดีชูนโยบาย “สวัสดิการถ้วนหน้า-บำนาญ 3 พัน-ล้างหนี้ กยศ." ฟื้นคุณภาพชีวิต

ประชาชาติลุยเปิดศูนย์ฯสุไหงปาดีชูนโยบาย “สวัสดิการถ้วนหน้า-บำนาญ 3 พัน-ล้างหนี้ กยศ." ฟื้นคุณภาพชีวิต





ad1

บรรยากาศการเปิดศูนย์ฯมีการแลกเปลี่ยนแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน, โรคใบยางร่วงที่ซ้ำเติมชาวสวนยางพารา จากราคายางตกต่ำอยู่แล้ว พร้อมตำหนิฝ่ายความมั่นคงใช้งบดับไฟใต้ไปแล้วเกือบ 5 แสนล้าน แต่ยังไม่สงบ พร้อมประกาศชูนโยบาย “สวัสดิการถ้วนหน้า-บำนาญ 3 พัน-ล้างหนี้ กยศ." ฟื้นคุณภาพชีวิตประชาชนทุกกลุ่ม

 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ เดินทางไปเปิดศูนย์ประสานงานพรรคประชาชาติ จ.นราธิวาส เขต 5 ที่บ้านควน หมู่ 6 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โดยมี พล.ต.ท.พัฒนาวุธ อังคะนาวิน อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค, นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนราธิวาส ในฐานะกรรมยุทธศาสตร์พรรคประชาชาติ รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น และหัวคะแนนของพรรคประชาชาติ รอให้การต้อนรับ

การเปิดศูนย์ประสานงานของพรรคประชาชาติในครั้งนี้ มีชาวบ้านไทยพุทธและมุสลิมที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 5 อ.สุไหงปาดี แว้ง และสุคิริน จำนวนกว่า 300 คน มาร่วมกิจกรรมด้วย พร้อมทั้งรับฟังนโยบายของพรรค

จากการสอบถามประชาชนที่ร่วมกิจรรม ส่วนใหญ่คิดแบบเดียวกันว่า พรรคประชาชาติเป็นพรรคการเมืองของคนชายแดนใต้ เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เมื่อปี 2562 ถือว่าในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคประชาชาติได้ ส.ส.มากที่สุด จาก 11 เขต ได้ถึง 6 คน ส่วนที่เหลือเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย นอกจากนั้นประชาชนส่วนใหญ่ยังพึงพอใจแนวนโยบายของพรรคประชาชาติด้วย

 พ.ต.อ.ทวี กล่าวกับพี่น้องประชาชนตอนหนึ่งว่า วันที่ 7 พ.ค.66 ที่จะถึงนี้ ประชาชนจะได้ใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งอีกครั้ง พรรคประชาชาติต้องเป็นสถาบันการเมืองของประชาชน จะได้แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ถูกจุด ทุกคนจะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาทุกกรณี ทั้งเรื่องปากท้อง ที่ดินทำกิน การเรียนฟรี โดยเฉพาะการปลดหนี้ กยศ. (กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา) โดยไม่ต้องใช้หนี้ แต่ต้องทำประโยชน์ให้รัฐเป็นการปลดหนี้ในรูปของตัวงาน

ส่วนกรณีการใช้งบแก้ปัญหาความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกือบ 5 แสนล้านบาทนั้น พ.ต.อ.ทวี บอกว่า เป็นสิ่งสูญเปล่า ควรนำเงินส่วนนี้มาใช้แก้ไขปัญหาร่วมกับประชาชน คิดว่าจะได้ผลตามเป้าหมายที่วางไว้มากกว่า อีกประการหนึ่ง ในเรื่องของ 30 บาทรักษาทุกโรค ปัจจุบันต้องปรับเปลี่ยนขยายวงเงินให้มากขึ้น และที่สำคัญเงินตอบแทนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ต้องได้คนละ 3,000 บาท ถึงจะเพียงพอต่อยุคโลกาภิวัฒน์

ยกตังอย่างประเทศมาเลเซีย ผู้สูงอายุจะได้เงินคนละ 3,500 ริงกิตต่อเดือน เทียบกับเงินไทย จะได้ถึงคนละ 35,000 บาท ทุกอย่างต้องทำเพื่อปลดทุกข์ให้กับประชาชน เมื่อทุกอย่างพร้อม ประชาชนก็จะได้มีความพร้อมที่จะร่วมในการพัฒนาบ้านเมืองไปกับรัฐบาล

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า พรรคประชาชาติมีอัตลักษณ์พิเศษ คือเป็นพรรคพหุวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใด ศาสนาใดที่มีความแตกต่างหลากหลาย เรามองว่าเป็นประชาชาติเดียวกัน พรรคประชาชาติจึงอยากเป็นพรรคของประชาชน สรุปกว้างๆ พรรคประชาชาติเราเกิดในภาคใต้ตอนล่าง แต่จริงๆ เราต้องการเป็นพรรคของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าคนจะอยู่ส่วนไหนจะมีพื้นที่ทางการเมืองไปสู่อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นโอกาสหนึ่งที่ทำให้ประชาชนทุกศาสนิกได้มีสถาบันทางการเมืองของตนเอง

“ ปัญหาใหญ่ที่สุดของประชาชนก็คือเรื่องเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต เรื่องปากท้อง โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดเกือบ 20 ปีมีเหตุการณ์ปล้นปืนที่นราธิวาส และเกิดเหตุรุนแรงแทบจะรายวัน รัฐบาลได้เอางบประมาณมาเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ 5 แสนล้านบาท แต่พอแก้ไป เราก็ยังพบว่าเรื่องใหญ่ที่สุดประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม เป็นเรื่องฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้คิด ถ้าเรามีพื้นที่ให้ประชาชน เงิน 5 แสนล้านนี้น่าจะอยู่ดีมีสุขมากกว่านี้ แต่ความจริงกลับกลายเป็น จ.นราธิวาสยากจนที่สุดเมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้เป็นอันดับที่ 2 โดนปัตตานีชิงไป”

เลขาธิการพรรคประชาชาติ บอกด้วยว่า ที่ผ่านมาพรรคเป็นตัวของตัวเอง จะเห็นว่า ส.ส.ภาคใต้ของประเทศไทย ทุกพรรคอยู่ฝ่ายรัฐบาลหมด ยกเว้นพรรคประชาชาติที่อยู่ฝ่ายค้าน การเป็นพรรคฝ่ายค้านจะเป็นปากเป็นเสียงและเป็นตัวแทนของประชาชน ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเราได้รู้ว่าเราจะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร ในครั้งนี้พรรคประชาชาติจึงเชื่อมั่น พรรคไหนมาชวนอย่างไรเราก็จะไปคุยกับประชาชนว่าเลือกเรามาแล้วเราก็ไปร่วมกับรัฐบาล แม้เราเป็นพรรคเล็ก แต่ปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องของคนทั้งชาติ ทั้งอาเซียน ทั้งโลก เราต้องมีส่วนร่วม ไม่ใช่คนถือปืนไปคุยกับคนถือปืน