พี่สาวร้องสื่อน้องชายถูก ตร.ขอนแก่นรุมตื้บปางตาย หลังเสียพนันไก่ชน เงินไม่พอจ่าย

พี่สาวร้องสื่อน้องชายถูก ตร.ขอนแก่นรุมตื้บปางตาย หลังเสียพนันไก่ชน เงินไม่พอจ่าย





ad1

ขอนแก่น-หนุ่มรับเหมาถูกตำรวจรุมกระทืบเละ อาการปางตาย ในบ่อนพนันไก่ชน อำเภอโนนศิลา พี่สาวไม่ยอมโร่ร้องนักข่าว หวั่นกลัวเรื่องเงียบ และอิทธิพลในเครื่องแบบ อีกทั้งกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมอัดคลิปเสียงให้ลูกเมียเอาไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่ ผกก.โนนศิลา ยันพื้นที่ไม่มีบ่อนไก่ชน น่าจะเป็นการลักลอบเล่น ย้ำหากตำรวจผิด ก็ไม่ละเว้น

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่บ้านเลขที่ 96/1 ม.2 บ้านป่าปอ ต.ป่าปอ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นที่ทำการกำนันตำบลป่าปอ เพื่อพบกับนางศุภิสรา บาริศรี อายุ 53 ปี ภรรยากำนัน และเป็นพี่สาวของนายเด่น หรือนายวรภบ สุขโต อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 ม.6 บ้านหนองขี้เห็น ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับน้องชาย ซึ่งถูกทำร้ายร่างกายในบ่อนไก่ของครูท่านหนึ่ง และคู่กรณีที่รุมทำร้ายร่างกายเป็นข้าราชการตำรวจของสภ.บ้านไผ่และสภ.โนนศิลา

นางศุภิสรา บาริศรี อายุ 53 ปี พี่สาวของนายเด่น เปิดเผยว่า นายเด่น น้องชาย มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง และชอบเลี้ยงไก่ชน ชอบตีไก่ โดยเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ไปตีไก่ที่บ่อนครูแมน ซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านวังยาว ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จากนั้นก็มีโทรศัพท์จากพลเมืองดีโทร. บอกภรรยากับลูกสาวว่า ให้ไปรับนายเด่นที่บ่อนไก่ ไปส่งโรงพยาบาล จึงเดินทางไปที่บ่อนไก่ แต่ไม่พบนายเด่น จึงออกตามหาจนพบร่างนายเด่นนอนอยู่ที่กระท่อมนา ห่างจากบ่อนไก่ไปเล็กน้อย ในสภาพหน้าตาบวมปูด ร่างกายมีรอยเขียวช้ำไปทั่ว ที่สะดือมีรอยปูดบวม จึงเรียกเจ้าหน้าที่กู้ชีพ รพ.โนนศิลาไปรับตัวส่งที่รพ.โนนศิลา แต่อาการหนักมากเพราะมีเลือดออกในช่องท้อง จึงถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.ขอนแก่น

พี่สาวนายเด่น กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุทราบว่า มีตำรวจที่เป็นคู่กรณีของน้องชาย เข้าแจ้งความที่สภ.โนนศิลา เพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีกับน้องชายในข้อหาทำร้ายร่างกาย จึงได้สอบถามน้องชาย จนทราบว่าเมื่อ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้เข้าไปเล่นพนันชนไก่ ซึ่งในวันดังกล่าวมีตำรวจนอกเครื่องแบบของสภ.บ้านไผ่ และโนนศิลา เข้าไปเล่นพนันจำนวนมาก มีการต่อรองราคากัน แต่น้องชายแพ้ ต้องจ่ายเงินให้ฝ่ายตำรวจ แต่เงินไม่พอจึงจะขี่รถกลับออกมาเอาเงินที่บ้าน แต่ถูกตำรวจล็อกคอไว้ และต่อว่าต่างๆ นานา น้องชายจึงคว้าขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตีที่ศีรษะของตำรวจรายดังกล่าว จากนั้นก็ถูกกลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบกว่า 10 คน รุมทำร้าย กระทั่งพลเมืองดีเข้ามาร้องขอชีวิตของน้องชายกับตำรวจ และขอร้องให้หยุดทำร้ายร่างกาย เพราะเชื่อว่าน้องชายตายแล้ว จากนั้นกลุ่มตำรวจก็แยกย้ายกันออกจากบ่อนไก่ พลเมืองดีจึงพลิกร่างน้องชายที่ฟุบกับพื้นดินขึ้นมา พบว่ายังมีชีวิตอยู่ จึงรีบให้ออกจากบ่อนไก่ ไปซ่อนตัวที่อื่น จากนั้นพลเมืองดี จึงโทรศัพท์แจ้งภรรยาของน้องชายมารับตัวส่ง รพ.

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดต่อหน้าเจ้าของบ่อนไก่ และชาวบ้านจำนวนมาก แต่หลังเกิดเหตุ สอบถามรายละเอียดกับเจ้าของบ่อนไก่ ปฏิเสธว่าไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นเพียงตอนที่น้องชายใช้ขวดตีหัวตำรวจ แต่ไม่เห็นตอนที่ตำรวจรุมกระทืบน้องชาย ส่วนชาวบ้านรายอื่นๆ ก็ปฏิเสธไม่รู้ ไม่เห็น อาจเพราะไม่อยากยุ่ง หรือเพราะเกรงกลัวตำรวจ ส่วนน้องชายรักษาตัวในรพ.3 คืน 4 วัน แพทย์ก็ให้ออกจากรพ.มากินยาที่บ้าน แต่ในขณะที่กลับมากินยาที่บ้าน กระทั่งวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา ตำรวจสภ.โนนศิลาเรียกตัวน้องชายไปให้ปากคำ กรณีที่ตีหัวตำรวจ แต่ขณะเดินทางน้องชายอาการก็กำเริบ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ภรรยาจึงนำส่งรพ.โนนศิลา แพทย์ตรวจพบว่า อาการหนัก เลือดออกในช่องท้องและมีอาการติดเชื้อในช่องท้อง จึงส่งต่อไปที่รพ.ขอนแก่น" นางศุภิสรากล่าว

พี่สาวนายเด่น กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ครอบครัววิตกกังวล เพราะคู่กรณีเป็นตำรวจ กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เท่ากับว่าเหตุการณ์นี้ไม่มีพยานให้น้องชายแม้แต่คนเดียว มีเพียงพลเมืองดีที่เข้าช่วยเหลือน้องชายเท่านั้น อาจจะเป็นเพราะทุกคนไม่อยากยุ่ง ไม่อยากมีเรื่องกับตำรวจ และอยากให้ตำรวจและคนที่รุมกระทืบน้องชายมารับผิดชอบ เยียวยาบ้าง เพราะคนที่เป็นตำรวจนั้น เข้าไปเล่นการพนันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และหากว่าบ่อนดังกล่าว ไม่ได้รับอนุญาต แต่ตำรวจยังเข้าไปเล่น ไปเห็นคนเล่นพนัน ยังปล่อยให้มีการต่อรอง เท่ากับว่าละเลยหน้าที่ แล้วยังมามีเรื่องกับชาวบ้านอีก เพราะกรณีพบเห็นชาวบ้านเล่นพนัน ตำรวจก็ต้องจับกุม และถ้าชาวบ้านตีหัวตำรวจ ตำรวจก็ต้องจับกุมตัวไปดำเนินคดี ไม่ใช่รุมทำร้ายเช่นนี้ จึงขอความเป็นธรรมกับผู้บังคับบัญชาของตำรวจด้วย ซึ่งเท่าที่ฟังจากน้องชายเล่าทราบว่า จำหน้าได้ทุกคน แต่จำชื่อได้เพียงคนเดียวคือ ด.ต.เม่า ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บ้านไผ่

ด้านนางทับทิม สุขโต อายุ 43 ปี ภรรยาของนายเด่น เปิดเผยว่า ขณะนี้ เฝ้าดูแลอาการสามีที่รพ.ขอนแก่น เนื่องจากมีเลือดออกในช่องท้องและมีการติดเชื้อภายในด้วย แพทย์ให้พักรักษาตัวในรพ.ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ่อนไก่ครูแมนนั้น เนื่องจากว่าสามีไปเล่นพนันชนไก่ในบ่อนแล้วต่อรองแพ้ เงินไม่พอจ่าย จึงโทรศัพท์มาบอกให้นำเงินไปให้ที่บ่อนไก่ จึงให้ลูกสาวเดินทางเอาเงินไปให้พ่อที่บ่อนไก่ชนครูแมน

"เราตามไปทีหลัง แต่เมื่อไปถึงที่บ่อนไก่ชน ก็ไม่พบสามี ในบ่อนไก่ก็ไม่มีคนแล้ว จึงพากันเดินหาสามีจนพบตัวที่กระท่อมนา ในสภาพคนถูกทำร้ายอาการสาหัส จึงเรียกรถกู้ชีพมารับตัวส่งรพ. แต่สามีอาการสาหัสจึงส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.ขอนแก่น จากการสอบถามสามีทราบว่า มีเรื่องกับตำรวจนอกเครื่องแบบของสภ.บ้านไผ่ จนพลั้งมือตีหัวตำรวจ จากนั้นก็ถูกตำรวจรุมกระทืบจนร่างกองกับพื้นดิน จนมีพลเมืองดีมาห้ามไว้ และฝ่ายตำรวจเชื่อว่าตนตายแล้ว จึงออกไป เมื่อทราบรายละเอียดจากสามี จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.โนนศิลา เพื่อให้ตำรวจทำการสืบสวน ดำเนินคดีกับตำรวจและคนที่รุมทำร้ายสามีในครั้งนี้ทุกคน หลังออกจาก รพ.สามีอาการยังไม่หายดี และกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ให้ลูกสาวอัดคลิปเสียงเอาไว้เป็นหลักฐาน หากเสียชีวิตไป คนตายมันพูดไม่ได้ สามีจึงอัดคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐาน" ภรรยากล่าว

ขณะที่ พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.โนนศิลา กล่าวว่า จุดเกิดเหตุไม่ใช่บ่อนไก่ เพราะในพื้นที่ อ.โนนศิลา ไม่มีการอนุญาตให้เปิดบ่อนไก่ แต่จุดดังกล่าวเป็นไร่อ้อยของครูผู้ชายรายหนึ่งที่สอนหนังสืออยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ครูรายนี้ชอบเลี้ยงไก่ชน ชอบชนไก่ และมีสนามซ้อมไก่ชน เชื่อว่าวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุด น่าจะมีการซ้อมไก่กันในกลุ่มคนชอบไก่ชน จากนั้นก็คงจะลักลอบเล่นการพนันชนไก่กัน ที่ผ่านมากำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้ตรวจสอบว่ามีที่ใดจุดใดสุ่มเสี่ยง และถ้าพบว่ามีการลักลอบเล่นการพนันทุกชนิดให้จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย และในกรณีที่เกิดขึ้นขณะนี้มีการแจ้งความร้องทุกข์กันทั้งสองฝ่าย และการสืบสวนสอบสวนก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน คนผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นตำรวจถ้าทำผิด รังแกประชาชนก็ไม่มีข้อยกเว้น.