คนบางแค-สมุทรสาครแห่ฟังปราศรัย "ธนาธร-ปิยบุตร" ก้าวไกล ประกันความพร้อมเป็นรัฐบาล

คนบางแค-สมุทรสาครแห่ฟังปราศรัย  "ธนาธร-ปิยบุตร"  ก้าวไกล ประกันความพร้อมเป็นรัฐบาล





ad1

คนแห่ฟัง "ก้าวไกล" แน่น "ธนาธร-ปิยบุตร" แท็กทีมปราศรัย สองเวที บางแค-สมุทรสาคร ย้ำเลือก "ก้าวไกล" ไม่มีคะแนนตกน้ำ ประกันความพร้อมเป็นรัฐบาล เดินหน้าแก้การเมือง-ปากท้อง ไปพร้อมกัน

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ตระเวนหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร ของพรรคก้าวไกล ร่วมเดินตลาดหลายแห่ง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ฝั่งเหนือและฝั่งธนบุรี แจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์ และเดินปราศรัยกลางตลาด

โดยเริ่มต้นตั้งแต่เช้าที่ตลาดศรีย่าน เขตดุสิต ร่วมกับ ภัสริน รามวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 7 (เบอร์ 7) หาเสียงกลางสายฝนจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว ก่อนเดินทางต่อมายังตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน ร่วมหาเสียงร่วมกับ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 9 (เบอร์ 10) และ ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 11 (เบอร์ 3) แล้วจึงเดินทางไปตลาดถนอมมิตร แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน หาเสียงร่วมกับ ภูริวรรธก์ ใจสำราญ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 12 (เบอร์ 5)

จากนั้น นายธนาธร ได้เดินทางต่อไปยังเขตจอมทอง เปิดปราศรัยที่หน้าปากซอยพระราม 2 ซ.43 ร่วมกับ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 26 (เบอร์ 11) และ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 27 (เบอร์ 1) ก่อนเดินทางต่อไปยังเขตตลิ่งชัน ร่วมเดินหาเสียงกับ สิริน สงวนสิน ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 31 (เบอร์ 13) ที่ฟู้ดวิลล่า ราชพฤกษ์ ก่อนร่วมเวทีปราศรัยใหญ่ฝั่งธนบุรี ที่ Best Beef บางแค โดยมี ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมการปราศรัยด้วย

ในส่วนของปิยบุตร ระบุว่า ช่วงนี้กระแสพรรคก้าวไกล ขึ้นสูงมาก จึงเป็นธรรมดาที่บรรดานักร้องจะขยันทำงาน นี่อาจเป็นดัชนีชี้วัดว่า ยิ่งโดนร้องเรียนเท่าไร โดนเตะสกัดตัดขาเท่าไร นั่นหมายความว่า นายพิธา จะใกล้เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ บางฝ่ายยังโจมตีพรรคก้าวไกล ว่า ไม่มีประสบการณ์ จะเป็นรัฐบาลได้อย่างไร ไม่เคยบริหารประเทศ จะพาประเทศไปรอดหรือ แต่ 4 ปีที่แล้ว ตอนพรรคอนาคตใหม่ ลงเลือกตั้ง ไม่เคยมีผู้สมัครคนไหนเป็นนักการเมืองมาก่อน ได้ ส.ส. 81 คน เป็นที่ 3 ของประเทศ ในสภาฯ พี่น้องประชาชนก็เห็นแล้วว่า ใครทำผลงานได้ดีเยี่ยม ไม่มีมวยล้มต้มคนดู สร้างมาตรฐานการทำงานใหม่ ดังนั้น เมื่อมาดูว่า ในหน้ากระดานการเมืองวันนี้ ทุกพรรคการเมืองที่แข่งขันกัน ล้วนแล้วแต่เคยบริหารประเทศ เป็นรัฐบาลกันมาหมดแล้ว ถ้าบริหารได้ดีจริง ทำไมสังคมไทยยังเป็นอย่างนี้ เพราะคนมีประสบการณ์หรือไม่ที่ส่งมอบสังคมแบบนี้ให้พวกเรา ถ้าพี่น้องประชาชนบอกว่าเลือกกี่ทีก็เหมือนเดิม 14 พฤษภาคมจะไม่ลองเลือกพรรคก้าวไกลให้คนใหม่เข้าไปบริหารประเทศดูหรือ

นายปิยบุตร กล่าวว่า ตัวแทนพรรคก้าวไกล เดินสายออกรายการ แต่ละคนไม่ตายไมค์ ถามปุ๊บตอบได้หมดทุกเรื่อง แสดงให้เห็นว่า มีความพร้อม ทำการบ้านมาอย่างดี เตรียมนโยบาย 300 กว่าเรื่อง ครอบคลุมทุกปัญหา อีกสิ่งที่เป็นจุดเด่น คือ ความชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่ว่าวันไหน เวลาใด ทุกคนพูดสอดคล้องกัน ถามเรื่องร่วมรัฐบาล พรรคก้าวไกลก็ยืนยันชัดเจน ถ้าเป็นอันดับ 1 ถล่มทลาย นายพิธา ก็เป็นนายกฯ แต่ถ้าต้องตั้งรัฐบาลผสม ก็ไม่มีทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แน่นอน ดังนั้นถ้าอยากเปลี่ยนรัฐบาล ต้องเลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย ไม่มีพลังประชารัฐ ไม่มีรวมไทยสร้างชาติ

“เรื่องง่ายๆ เท่านี้ ไม่รู้ตอบยากตรงไหน ถามกี่คนก็ตอบแบบนี้ ดังนั้น ไม่ต้องกังวล ถ้าต้องเป็นรัฐบาลผสม แล้วมีประยุทธ์ประวิตร พิธาก็บอกแล้วว่าเป็นฝ่ายค้านอีกครั้งได้ แต่ถ้าพี่น้องไม่อยากรอแล้ว ก็เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย พรรคการเมืองแบบก้าวไกลต้องแบบนี้ ไม่ใช่ตั้งพรรคมาแล้วไม่คิดอ่านอะไร ตั้งหน้าตั้งตาเป็นรัฐบาลอย่างเดียวโดยไม่คิดถึงจุดยืนหรืออุดมการณ์ นี่คือการเมืองที่ถูกต้อง ไม่ใช่การเมืองสลับขั้วไปมา ในหัวคิดอย่างเดียวว่าต้องเป็นรัฐบาล ไม่เป็นไม่ได้ เดี๋ยวอดอยากปากแห้ง” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า ช่วงโค้งสุดท้าย มีโพลออกมา เชื่อได้ว่า การเลือกตั้งรอบนี้เปลี่ยนขั้วรัฐบาลแน่นอน บางโพลบอกว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านอาจได้เกินครึ่ง สภาฯ 250-300 ที่นั่ง จึงไม่มีความกังวลใจว่า ประยุทธ์จะอยู่ต่อหรือไม่ การแข่งขันรอบนี้เกมเปลี่ยนไปแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นการแข่งกันว่าจะเอาประยุทธ์ออกไปได้หรือไม่ ฝ่ายค้านเดิมต้องผนึกกำลังกันให้แน่น แต่ไปไปมามา เลือกตั้งครั้งนี้ จะมาพูดกันใหม่คือตกลงแล้วประชาธิปไตยที่กำลังจะฟูมฟักให้กลับมาใหม่หลังเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะเป็นประชาธิปไตยแบบไหน

ถ้าอยากเลือกประชาธิปไตยแบบก้าวไกล ที่พรรคการเมืองเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของนายทุน ประชาธิปไตยที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน แกนนำพรรคมีจุดยืนมั่นคงแน่นอนชัดเจน คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ประชาธิปไตยที่เห็นว่าต้องแก้ปัญหาทั้งการเมืองและเศรษฐกิจไปพร้อมกัน ประชาธิปไตยที่ผู้สมัคร ส.ส. เป็นคนธรรมดา ไม่ต้องเกิดในตระกูลการเมือง ประชาธิปไตยที่กล้าชนต้นตอของปัญหา ไม่มีลูบหน้าปะจมูก รู้ว่าปัญหาใดยากแต่จำเป็นต้องทำ เราต้องทำทันที ไม่รีรอ เดินหน้าแล้วเจอตอเมื่อไหร่ ไม่ต้องหลบไม่ต้องกลัว ขุดตอขึ้นมาให้พี่น้องดู แล้วตัดตอนั้นทิ้ง ประชาธิปไตยที่ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน ตัดวงจรรัฐประหารให้หมดไปจากประเทศไทย ประชาธิปไตยที่เห็นคนเป็นคน ไม่ใช่ตัวชี้วัดกระตุ้นเศรษฐกิจ จะทำสวัสดิการถ้วนหน้า ให้ทุกคนดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้าอยากได้ประชาธิปไตยแบบนี้ ต้องเลือกพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลาย

“ขอโอกาสพี่น้องสนับสนุนพรรคก้าวไกล ไม่ต้องเกรงกลัวกับการลงคะแนนทางยุทธศาสตร์ มันไม่มี แต่ละพรรคมีความแตกต่างกัน อุดมการณ์ต่างกัน นโยบายไม่เหมือนกัน ดังนั้น ถ้ารักพรรคก้าวไกล ลงคะแนนให้พรรคก้าวไกล ไม่ต้องลังเล ไม่ต้องคิดเรื่องคะแนนตกน้ำ ไม่ต้องคิดเรื่องโหวตยุทธศาสตร์ ให้ผู้แทนแบบก้าวไกลเข้าสภาฯ ไปเลือกพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.ฝั่งธน ของเรามีทั้งหมด 10 คน เลือกก้าวไกลยังไงก็ไม่ตกน้ำ เลือกเยอะให้ขาดลอยจะได้เข้าเป็นที่หนึ่ง ครั้งก่อนตอนอนาคตใหม่ ฝั่งธนเป็นสีส้มแล้ว ครั้งนี้พรรคก้าวไกล ขอให้เป็นธนบุรีสีส้มทั้ง 10 เขตเช่นกัน” ปิยบุตร กล่าว...

ด้านธนาธร เริ่มต้นด้วยการแนะนำผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ หลายคนให้ขึ้นมาบนเวที ทั้ง วรรณวิภา ไม้สน ที่เป็นปากเสียงให้แรงงานมามากมาย, ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ผู้อภิปรายล้มรัฐมนตรีรักษาผลประโยชน์ของประชาชนได้นับพันล้านบาท, วรภพ วิริยะโรจน์ ผู้อภิปรายเรื่องค่าไฟมาตั้งแต่ปี 2564 และผู้เสนอนโยบาย SMEs ของพรรคก้าวไกล, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้ถอดข้อมูลงบประมาณออกมาเป็นไฟล์ให้ประชาชนเข้าถึงได้, ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ และ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐ์ศิษฐ์ ผู้ริเริ่มยื่นกฎหมายสมรสเท่าเทียม และ กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม

นายธนาธร ระบุว่าที่ตนแนะนำอดีต ส.ส.ก้าวไกลเหล่านี้ขึ้นมาให้ทุกคนรู้จัก ก็เพื่อจะบอกว่าไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม พรรคก้าวไกลมีความพร้อมแล้วทุกเรื่อง ที่จะเป็นผู้บริหารประเทศ จากประสบการณ์การทำงาน 4 ปีที่ผ่านมาของพรรคอนาคตใหม่จนถึงพรรคก้าวไกล

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกล ยังเป็นพรรคเดียวในวันนี้ ที่ยืนยันมาตลอดเวลาว่าเราสามารถแก้ปัญหาทั้งปากท้องและการเมืองไปพร้อมๆ กันได้ และวันนี้ตนยืนยันว่านับแต่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่เป็นสาเหตุของวิกฤติในประเทศนี้ยาวนานมาถึง 17 ปีเป็นต้นมา ไม่มีเวลาใดอีกแล้วที่ฝ่ายอนุรักษนิยมจะอ่อนแรงถึงเพียงนี้ นี่คือเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะทำเรื่องยากๆ แก้ปัญหาของประเทศไทยไปได้พร้อมกันทุกเรื่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเดินหน้าปฏิรูปการศึกษา ส่งเสริมค่านิยมใหม่ที่ทันสมัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เอาสินค้าไทยไปขายในตลาดโลก

“นี่คือเวลานี้เหมาะสมที่สุดที่จะผลักดันวาระที่ยากๆ ไม่ต้องทำทีละเรื่อง ทำพร้อมกันได้ คำถามของยุคสมัยตอนนี้ คือ ‘ถ้าไม่ทำวันนี้แล้วจะทำวันไหน?’ นี่คือเวลาที่ดีที่สุดแล้ว” นายธนาธร กล่าว

นอกจากเวทีที่ฝั่งธนบุรีวันนี้แล้ว นายธนาธรและนายปิยบุตร ยังได้เดินทางต่อไปยัง จ.สมุทรสาคร เปิดเวทีปราศรัยที่ลานตลาด INBOX ริมถนนพระราม 2 โดยทั้งสองจุดต่างมีประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยจนแน่น