“พิธา”ประกาศลั่นจะกลับมาพัทลุงอีกครั้ง ในฐานะ “นายกรัฐมนตรี”


ที่บริเวณหน้าสวนสาธารณะเทศบาลเมืองพัทลุง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ นายประเสริฐพงษ์ ศรนิวัฒน์ อดีตส.ส.ระบบบัญชีพรรคก้าวไกล พร้อมคณะเดินทางมาเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับพรรคก้าวไกลและผู้สมัครส.ส.พัทลุงทั้ง 3 เขต นส.สุภาพร สงชู เขต 1 นายพีระ พูลสง เขต 2 และนายศุภกร ขุนชิต เขต 3
ท่ามกลางประชาชนนักเรียนนักศึกษา ทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยหาเสียงประมาณ 2,000 คน เนื่องจากวันนี้เป็นวันเปิดเรียนและบางโรงเรียนก็เปิดการปฐมนิเทศ
นายพริษฐ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคก้าวไกลจะนำ“3 ป” ออกจากระบบการเมืองของประเทศไทย และจะนำ 3 ป.มาใช้ในการพัฒนาประเทศ ประกอบด้วยปฏิรูประบบประชาธิปไตย เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจรัฐประหาร หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีชื่อพิธา ภายใน 100 วันแรก จะจัดทำประชามติโดยทันทีเพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
ป.ที่ 2 การปฏิรูปที่ดินทำกินเพื่อประโยชน์ของประชาชน เนื่องจากในขณะนี้เกษตรกรนับล้านคนที่มีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินทำกินและ 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปลูกยางพาราเกษตรกรยังไม่มีเอกสารสิทธิ์และโฉนด ซึ่งขณะนี้พรรคได้เตรียมกฎหมาย 7 ฉบับ เพื่อแก้ปัญหาที่ดินทำกินไว้แล้ว
และตั้งกองทุนพิสูจน์สิทธิ์และอัดฉีดงบประมาณ 1 หมื่นล้านเพื่อระดมบุคลากรและอุปกรณ์เพื่อคืนที่ดินแก่เกษตรกรไม่น้อยกว่า 10 ล้านไร่
และ ป.3 เป็นการปฏิวัติระบบการศึกษา เนื่องจากในขณะนี้ประเทศไทยมีระบบและหลักสูตรที่ล้าหลังที่ไม่สามารถแปลความขยันออกเป็นทักษะที่จะไปแข่งขันกับนานาชาติได้ พรรคก้าวไกลจะทำให้มีการเรียนฟรีไม่เหมือนกับฟรีทิพย์เหมือนที่ผ่านมา และโรงเรียนทุกแห่งปลอดภัยและไร้อำนาจนิยมทั้งร่างกายจิตใจ ฯลฯ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกแต่ตามโรงเรียนไม่มีนักเรียน เพราะมาอยู่ที่โรงเรียนก้าวไกลหมดแล้ว สำหรับการศึกษาไทยนั้นมีปัญหามานานแล้วเนื่องจากนายกรัฐมนตรียังบวกเลขไม่ถูก อยู่ครบ 8 ปี ก็ยังบอกว่าอยู่ไม่ครบ 8 ปี โดยบอกว่าใน 4 ปีแรกไม่นับ เพราะเป็น คสช.ก็อยากถามว่าในปี 2557 และปี 2562 นายกรัฐมนตรีเป็นคนละคนหรือไม่ ส่วน สว.250 คนนั้น หากมีการเลือกตั้งในปี 2562 จะต้องได้เสียงจากประชาชน 17 ล้านเสียง แต่ สว.250 คนกลับถูกเลือกด้วย คสช.จำนวน 17 คน จึงถามว่าทั้ง 17 คนดีกว่าพวกเราที่เป็น ส.ส.มากแค่ไหน
สำหรับยาเสพติดที่แพร่ระบาดนั้นมันสวนทางกับสินค้าที่แพงขึ้นแต่ยาบ้ากลับถูกลงจากการปฏิบัติหน้าที่ของจนท.รัฐบางคนที่หาเงินไปซื้อตำแหน่งให้สูงขึ้น จนท.รัฐที่ไม่มี “ตั๋วช้าง” ไม่มีทางที่จะได้ตำแหน่งที่ดีขึ้น แต่ตำรวจที่ดีๆ ก็มีมากมาย หากนายพิธา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะมีทางได้ยืนในตำแหน่ง
“หากเราปฏิรูปตำรวจได้ปัญหายาเสพติดก็แก้ได้ สิ่งผิดกฎหมายก็แก้ได้ และจะทำให้นักการเมืองหลายรายไม่สามารถเป็น ส.ส.ได้เพราะต้องติดคุก และตนมั่นใจว่าพรรคก้าวไกล จะแลนด์สไลด์ แต่หากไปเจอกับกลุ่มที่มีตัวย่อ 3 ตัวก็แลนด์สไลด์ลำบาก จึงขอให้ประชาชนไปดูแลหีบเลือกตั้งเหมือนหีบสมบัติในบ้าน เพื่อให้การเลือกตั้งในวันที่ 14 นี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์และยุติธรรม”
ทางด้านนายพิธา กล่าวในตอนหนึ่งว่า พรรคก้าวไกลได้ยืนยันว่ามีลุงไม่มีเรา แต่มาเมืองลุง (พัทลุง) พรรคจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนจุดยืนเป็นเมืองลุงต้องมีเรา ท่ามกลางเสียงกรีดลั่นของบรรดากองเชียร์พรรคก้าวไกลทั้งหลาย มาเมืองลุงครั้งนี้มิใช่มาเล่นๆ แต่จะมาปักธงอนาคตที่พัทลุงอย่างแน่นอน เพราะตอนเช้าเจอคนที่ไปเลือกตั้งล่วงหน้าบอกว่าเลือกพรรคก้าวไกลกันทั้งนั้น พรรคก้าวไกลเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจคนรุ่นใหญ่ ที่จะมีการรีดเงินงบประมาณกองทัพเป็นงบสวัสดิการประชาชนเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 บาท เป็น 3,000 บาท
“ตนมาพัทลุงพึงพอใจกับบรรยากาศเขา ป่า นา เล แต่มาครั้งหน้าจะมาในฐานะนายกรัฐมนตรี”
ทั้งนี้ เพื่อเชื่อมพัทลุงกับโลกภายนอก และจะต้องมีการกระจายอำนาจโดยมีการเลือกผู้ว่าฯเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ให้ใครแต่งตั้งผู้ว่าฯ ให้พวกเรา ปัญหาพัทลุงจะต้องแก้ด้วยชาวพัทลุง และขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะไม่มีนโยบายตัดเงินบำนาญแต่อย่างใด
นอกจากจะไม่ตัดเงินบำนาญแล้วบำนาญของท่านจะมั่นคงมากยิ่งขึ้นภายใต้รัฐบาลที่มีผู้นำที่ชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์.