เสียงสะอึ้น...จากชาวนา จนจริง หนี้สินท่วมตัว ทุกอย่างแพงหมด ยกเว้นราคาข้าว

เสียงสะอึ้น...จากชาวนา จนจริง หนี้สินท่วมตัว ทุกอย่างแพงหมด ยกเว้นราคาข้าว





ad1

หลังจาก "อัทธ์ พิศาลวานิช" ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ออกมาเปิดถึงข้อมูลบทวิเคราะห์ 10 ปี ชาวนาไทย จนเพิ่ม หนี้ท่วม โดยระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ ปี 2555 - 2565 ผลผลิตข้าวไทยต่อไร่ลดต่ำลง โดยไทยต่ำกว่าเวียดนาม 3 เท่า ไทยเฉลี่ย 450 กก.ต่อไร่ เวียดนามมากกว่า 1,000 กก. หรือมากกว่า 1 ตันต่อไร่ ขณะที่รายได้และเงินคงเหลือของไทยน้อยกว่าคู่แข่ง ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น และในปี 2565 ชาวนาไทยมีต้นทุนการผลิต 5,898 บาทต่อไร่ เพิ่มขึ้น 2,058 บาทต่อไร่ เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีต้นทุนอยู่ที่ 3,839 บาทต่อไร่ 

ในขณะที่ปี 2565 ชาวนาไทยมีรายได้ 3,900 บาทต่อไร่ น้อยกว่าปี 2555 ที่มีรายได้ 4,678 บาทต่อไร่ ชาวนาไทยจึงมีรายได้ลดลง 777 บาทต่อไร่  และจากสถิติ พบว่า ชาวนาไทยจนที่สุดในเอเชียและอาเซียนเมื่อเทียบกับอินเดีย เวียดนามและเมียนมา และยังพบว่า ไทยมีต้นทุนการผลิตข้าวสูง เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากอินเดีย ซึ่งส่งผลให้ชาวนาไทยยังคงมีรายได้น้อยและภาระหนี้สินที่สูงขึ้น  โดยปัจจุบัน ชาวนาไทย ร้อยละ 70 เป็นหนี้ ประมาณ 1-3 แสนบาทต่อครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นภาระหนี้เงินสดกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. และยังเป็นหนี้ที่ไม่ใช่เงินสดกับร้านขายปัจจัยการผลิตและวัสดุทางการเกษตร ในลักษณะนำปัจจัยการผลิตและวัสดุเกษตร มาใช้ก่อนจ่ายเงินด้วย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ก.ค.2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามเกษตรกรชาวนา ในพื้นที่ อ.พิมาย ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่สำคัญที่พื้นที่หนึ่งของจังหวัด โดยได้พบกับนายวิโรจน์ ประคองค้า อายุ 63ปี บ้านเลขที่ 278/1 ม.16 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ประกอบอาชีพทำนามานานหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้มีที่นาอยู่ท้ายเขื่อนพิมาย กว่า 80 ไร่ ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ทั้งหมด  ซึ่งบางปีที่มีน้ำมาก ที่นาก็จะถูกน้ำท่วมเสียหาย แต่ฤดูเพาะปลูกในปีนี้ น้ำเหนือเขื่อนมีน้อย ฝนไม่ค่อยตกในพื้นที่ ชลประทานจึงไม่ค่อยปล่อยน้ำมาช่วยเกษตรกรต้องอาศัยน้ำฝนไปก่อน ซึ่งน้ำในเขื่อนพิมายตอนนี้ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง น้ำเก็บกักในห้วยหนองคลองบึงและในบ่อตามไร่นาก็ลดลงแทบจะไม่เหลือ

จนขณะนี้หว่านข้าวมาได้ 3 เดือนแล้ว แต่ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยง พื้นนาแห้ง วัชพืชขึ้นเต็ม ฝนตกลงมาน้อย เกรงข้าวจะได้รับความเสียหายยืนต้นตาย ทำให้เงินที่ลงทุนเพาะปลูกไปในฤดูกาลนี้สูญหายทั้งหมด จะกู้เงินมาลงทุนเพาะปลูกใหม่ก็ยาก เพราะหนี้เก่ายังค้าง หนี้สิน ธกส.ยังไม่มีจ่าย  แถมราคาเมล็ดพันธุ์ ราคาปุ๋ย แลปัจจัยการผลิตอื่นๆ ก็แพงมาก ยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหากันยังไง  หนี้สินท่วมหัวกันหมดแล้ว ยิ่งทำยิ่งจน ชาวนาบางรายที่แบกรับไม่ไหวถึงขั้นติดประกาศขายที่นาด่วน จึงอยากให้ตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็ว จะได้เข้ามาผลักดันช่วยเหลือเกษตรกรและชาวนาโดยเร็ว .

โดย...ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ / นครราชสีมา