จนท.เชิญ 4 เด็กตาดีกาที่ถือรูปถ่าย คนร้ายที่ถูกวิสามัญ สอบปากคำ ด้านมทภ.ที่ 4 ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง

จนท.เชิญ 4 เด็กตาดีกาที่ถือรูปถ่าย คนร้ายที่ถูกวิสามัญ สอบปากคำ ด้านมทภ.ที่ 4 ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง





ad1

เมื่อวันที่  28 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี เด็กถือรูปคนร้ายที่ถูกวิสามัญร่วมขบวนเดินพาเหรด ในกิจกรรมขบวนพาเหรดจัดการแข่งขันกีฬาและกิจกรรมภาคเวทีของโรงเรียนตาดีกาบ้านท่าสู  ตำบลน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดวานนี้ อุสตาซหรือครูสอนโรงเรียนตาดีกาบ้านท่าสู   จำนวนสองคน ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.อำเภอปานาเระ จากนั้นทาง เจ้าหน้าที่ได้ให้ ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมผู้นำในพื้นที่รับทราบ ก่อนส่งรถยนต์กระบะเข้าไป ไปรับตัวเด็กนีกเรียนตาดีกา จำนวน 4 คน  ซึ่งเป็นผู้ที่ ถือป้ายรูปภาพดังกล่าวพร้อมด้วยผู้ปกครองจำนวน 3 คน ไปที่ที่ว่าการอำเภอปานาเระ เพื่อสอบปากคำและตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

จากการตรวจสอบข้อมูลทราบชื่อเด็กที่ถูกเชิญตัวและ ผู้ปกครองที่ติดตามไปด้วย ประกอบด้วย         
1.น.ส. พารีดะ มะเยหะ 2.น.ส.ซารูณี วามะ 3.น.ส.ไฟเราะ อาลี 4.ด.ช.ฮานาฟี (สงวนนามสกุล) 
5.ด.ช. อาซาน (สงวนนามสกุล)  7.ด.ช.ฟิรดาว (สงวนนามสกุล)  8.ด.ช.นัฟอัน (สงวนนามสกุล) 

สำหรับ เด็กนักเรียนที่  ถือรูป ทั้งหมดมี 9 คน เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัววันนี้ 4 คน อีก 5 คน ทราบว่าในขณะนั้น ไม่สามารถติดต่อได้

ขณะเดียวกันในวีนเดียวกัน เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลตรี ปราโมทย์  พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมประชุมหารือสร้างความเข้าใจ ในกรณีการจัดกิจกรรมกีฬาตาดีกาสัมพันธ์ในพื้นที่ ตำบลบ้านน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี โดยมี หน่วยขึ้นตรงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า , ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง , กำนันตำบลบ้านน้ำบ่อ , ผู้ใหญ่บ้าน (หมู่ 1 , หมู่ 3 , หมู่ 4 และ หมู่ 5) ตำบลบ้านน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี , อิหม่ามประจำมัสยิดในพื้นที่ และผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิดดารุลมะมุร (ตาดีกา) ร่วมประชุม

ด้านพลตรี ปราโมทย์  พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า "จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรณีจัดขบวนพาเรทของกีฬาตาดีกาสัมพันธ์ของตำบลบ้านน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี และมีกิจกรรมบางส่วนที่ถูกเผยแพร่ในสื่อโซเชี่ยล และพบว่าเป็นพฤติกรรมที่อาจจะดูไม่เหมาะสม และส่งผลกระทบต่อความรู้สึกทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างกว้างขวาง ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง วันนี้ก็ได้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดกิจกรรม ตั้งแต่ท่านนายก อบต.บ้านน้ำบ่อ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โต๊ะอิหม่าม รวมทั้งครูโรงเรียนตาดีกา

นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอปะนาเระ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัดปัตตานี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนอำเภอปะนาเระ รวมทั้งกองกำลังตำรวจจังหวัดปัตตานี มาร่วมประชุมหารือร่วมกัน ซึ่งผลจากการประชุมในวันนี้ โดยเฉพาะในส่วนของคณะกรรมการจัดงานล้วนต่างรู้สึกเสียใจ กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทุกคนได้ยืนยันว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรักความสามัคคีของพี่น้องประชาชนและเด็ก ๆ ในพื้นที่ตำบลบ้านน้ำบ่อ ในเรื่องของการจัดขบวนพาเหรดนั้น เน้นในเรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมรวมทั้งสินค้าที่หลากหลายที่โดดเด่น ของแต่ละหมู่บ้าน 

ภายหลังทราบข่าวจากสื่อว่ามีกิจกรรมแฝงเข้ามาตามที่ปรากฏในภาพแล้ว ทางคณะผู้จัดก็รู้สึกไม่สบายใจและอยากจะขอโทษต่อสังคม ซึ่งจริง ๆ แล้วคณะผู้จัดมีเจตนาที่ดีแต่มีมือที่สามมาทำให้กิจกรรมในครั้งนี้ผิดเพี้ยนไปจากวัตถุประสงค์ที่ควรจะเป็น ขณะนี้เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะตำรวจและคณะผู้จัดพร้อมที่จะประสานความร่วมมือ เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตรวจสอบกลุ่มผู้ไม่หวังดี สำหรับแนวทางในการดำเนินการหลังจากนี้ ได้มีการกำหนดแนวทางการดำเนินงานประการแรกคือการใช้มาตรการทางกฎหมาย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐล้วนคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของพี่น้องประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น โดยเฉพาะการใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ถือเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายและผิดกฎหมายผิด พรบ.คุ้มครองสิทธิเด็ก

ส่วนที่สองถือว่ามีความสำคัญนั่นก็คือในเรื่องของการสร้างความเข้าใจ ซึ่งได้มอบหมายให้ศูนย์สันติวิธีและสำนักมวลชนและกิจการพิเศษ จัดทำแนวทางในการเสริมสร้างความเข้าใจ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และโต๊ะอิหม่าม เพื่อใช้เป็นโมเดลในการจัดกิจกรรมในพื้นที่ และประการสุดท้ายได้มอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนอำเภอ ได้กำหนดแนวทางในการ จัดกิจกรรมในลักษณะแบบนี้ ตั้งแต่ในเรื่องของการขออนุญาต จัดกิจกรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย การเข้าไปร่วมให้การสนับสนุน รวมทั้งในเรื่องของการกำหนด แนวทางและมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่จะเข้ามาแสวงประโยชน์ 

โดยเฉพาะการใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ เด็กคือผ้าขาว เด็กคือผู้บริสุทธิ์ อยู่ที่ผู้ใหญ่ว่าจะแต่งเติมสีไหนให้เขา ถ้าต้องการให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ เราก็แต่งแต้มสีที่สวยงามลงไปให้เด็ก แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรากลับพบว่ามีผู้ใหญ่ หรือกลุ่มขบวนการบางคนได้ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ในการแสวงประโยชน์ให้กับตนเองและกลุ่มขบวนการ ปลุกระดมบ่มเพาะเด็กให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ความรุนแรง ให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีแต่ความเกลียดชัง และสุดท้ายเด็ก ๆ เหล่านี้ก็จะมาซ้ำเติมสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เลวร้ายมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ได้สะท้อนมุมมองต่อกรณีดังกล่าวว่า ถึงเวลาแล้วยังที่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่ที่จะต้องปรับแก้ไขแนวทางการใช้ความรุนแรนในพื้นที่ในห้วงที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้ความรุนแรงลดน้อยลง แม้จะมีเหตุเกิดขึ้นลดน้อยลงก็ตาม และคดีไม่ได้จบอย่างที่พวกเราเข้าใจหลังเกิดการวิสามัญ  แต่กลายเป็นปมปัญหาความรุนแรงที่ซุกไว้ใต้พรม พร้อมที่จะปะทุทุกเมื่อ จะเห็นได้ว่าพัฒนาการและท่าทีต่อการปฏิบัติการณ์ต่อศพที่ถูกเจ้าหน้ารัฐวิสามัญในแต่ละเคสในระยะหลังนี้เห็นได้ชัด 

กรณีนี้เช่นกัน "รัฐควรที่จะมองกนณีนี้เป็นการแสดงออก แบบสันติวิธีได้ไหม เพื่อสะท้อนปัญหาที่มีอยู่จริงในพื้นที่ ผลพวงกับมาตรการแนวทางยุทธการทางการทหารตอบโต้ ในห้วงที่ผ่านมา แม้จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไรนั้น แต่ที่สำคัญอาจกำลังเป็นเงื่อนไขสู่ความรุนแรงในอนาคต"  สงครามเราชนะจริง แต่ไม่ชนะใจประชาชนในพื้นที  จึงอยากให้ทุกคนทุกฝ่ายต้องสร้างมิตร สร้างพลังบวก ไม่ใช่โหมไฟสร้างศัตรูกัน พยาบามหาตะเข็บของกฎหมายเพื่อเอาผิดให้ได้มันจพกลายเป็นการเพิ่มความเกลียดชังไหม ที่สำคัญต้องไม่มองคนมีความคิดเห็นต่างเป็นศัตรู แล้วพวกเราหวนหาสันติสุข สันติภาพไว้ทำไม