คนเสื้อแดงอีสาน แนะ “เศรษฐา” หาตัว รมต.ให้ตรงกับงาน อย่าแบ่งเค้กจนเกินงามจนทำให้งานเดินสะดุด

คนเสื้อแดงอีสาน แนะ “เศรษฐา” หาตัว รมต.ให้ตรงกับงาน อย่าแบ่งเค้กจนเกินงามจนทำให้งานเดินสะดุด





ad1

ขอนแก่น-คนเสื้อแดงอีสาน แนะ “เศรษฐา” หาตัว รมต.ให้ตรงกับงาน อย่าแบ่งเค้กจนเกินงามจนทำให้งานที่ประกาศไว้เดินหน้าไม่ได้ พร้อมระบุ ภาพลักษณ์ สว. เริ่มดีขึ้นหลังผลโหวตเทคะแนนให้ฝ่ายประชาธิปไตยเกินคาด

เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2566 ผศ.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายกลุ่มสตรี 20จังหวัดภาคอีสาน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่ จ.ขอนแก่น ว่า เป็นภาพแห่งความประทับใจ ที่นายทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทยและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเป็นวันที่การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคฝ่ายประชาธิปไตยสำเร็จ ซึ่งเป็นวันแห่ประวัติศาสตร์ทางการเมืองของไทยที่น่าจดจำ  ที่กลุ่มคนเสื้อแดง,กลุ่มแนว ร่วม นปช. กลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน รวมทั้งคนที่ชื่นชอบในตัวนายกรัฐมนตรีในดวงใจ นั้นรอคอยและไปรอต้อนรับอย่างเนืองแน่น และติดตามข่าวสารและข้อมูลต่างๆมาโดยตลอด ซึ่งจากนี้ไปงานทางการเมือง ก็จะเป็นหน้าที่ของ ส.ส.และพรรคร่วมรัฐบาลที่เดินหน้าต่อจากนี้ตามที่ประกาศเอาไว้ ขณะที่ภาคประชาชนจะเฝ้าติดตามความยุติธรรมและความชอบธรรมที่จะเกิดขึ้นกับคุณทักษิณ แต่สิ่งที่กำลังเป็นที่จับตาของคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะกับกลุ่มที่ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตย คือการจัดตั้งรัฐบาลและตำแหน่งคณะรัฐมนตรี ซึ่งทุกคนได้เฝ้าติดตามข่าวว่าใครจะนั่งตำแหน่งใด แต่ที่ปรากฎบางสื่อนั้นเป็นการแบ่งเค้กกันจนเกินงามมากกว่าคนที่จะมาทำงาน

“ฝากถึงนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย ว่าควรพิจารณาบุคคลให้มาทำหน้าที่ในแต่ละกระทรวงที่เลือกคนให้ตรงกับงาน มากกว่าการแบ่งเค้กจนกลายเป็นโควต้าที่ทำงานไม่ได้ เพราะคนทั้งประเทศจับตาดูว่าใครจะมาทำหน้าที่แก้ปัญหาหรือทำตามนโยบายที่วางไว้ เราไม่ได้มองว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นการสลายขั้ว เพราะขั้วใดๆนั้นไม่มีแล้ววันนี้คือการเดินหน้านำพาประเทศเดินต่อไปทำในสิ่งที่แต่ละพรรคประกาศเอาไว้ อีกทั้งพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายชัดเจนว่าหัวใจคือประชาชน ก็ต้องฟังเสียงประชาชนด้วยอย่ากังวลแต่เค้กที่จะแบ่งให้กับพรรคอื่นๆต้องดูตัวเองด้วยว่าทุกนโยบายที่จะทำนั้นใครจะเป้นกำลังหลักในการไปขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน”


    
ผศ.พรรณวดี กล่าวต่ออีกว่า การบริหารงาน 4 ปีต่อจากนี้เป็นประเด้นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกับการตั้ง สสร. เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทีจะต้องดำเนินการและทำให้ได้ ไม่ใช่มามโนแบบบางพรรค รวมไปถึงการทำหน้าที่ของฝ่ายประชาธิปไตยที่เป้นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ทุกคนรอคอยอย่างมีความหวัง โดยเฉพาะกับการที่ สว. ได้โหวตเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงที่เกินความคาดหมายซึ่งหมายถึงภาพลักษณ์ของ สว.ที่ดีขึ้นและต้องการที่จะเดินหน้าร่วมกันต่อไปอย่างไรก็ตามสำหรับ  16 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่มาโหวตให้นั้นก็ขอให้จับตาดูต่อไปเพราะทุกคนและทุกพรรคล้วนต้องการเป็นรัฐบาลเพื่อนำนโยบายของตนเองไปขับเคลื่อนผลงานตามที่ได้ประกาศเอาไว้แต่ก็มีตัวอย่างคือพรรคประชาธิปัตย์ คุมกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลที่ผ่านมาแต่ก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ หัวหน้าพรรคก็นิ่งเฉยทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นทุกอย่าง จนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนจำและได้รับผลกระทบโดยตรง รัฐบาลโดยการนำของพรรคเพื่อไทยจะต้องรัดกุมและรอบคอบในจุดนี้ด้วย