แจ้ง 3 ข้อหาชาวประมงปัตตานีทำผิดกม.หลังปะทะเดือด

แจ้ง 3 ข้อหาชาวประมงปัตตานีทำผิดกม.หลังปะทะเดือด





ad1

เจ้าหน้าที่ประมงปัตตานี แจ้ง 3 ข้อหา ชาวประมงทำผิดกฎหมาย หลังปะทะดุเดือด ขณะทำประมงอวนลากคานถ่างลูกหอยบริเวณอ่าวปัตตานี

สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นำโดย  นายสุชาติ รัตนเรืองสี ประมงอาวุโส อนุรักษ์ทรัพย์ยากรทางทะเล สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ปัตตานี นำ เรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 204  และเรือ 209 รวม 14 คน ออกปฏิบัติงานลาดตระเวนฝ้าระวังและคุ้มครองป้องกันการบุกรุกทำลายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดปัตตานี และพื้นที่อ่าวปัตตานี ขณะออกปฏิบัติงานบริเวณอ่าวปัตตานี ตำบลตันหยงลุโละ อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี พร้อมสามารถตรวจยึดเครื่องมือประมงอวนลากคานถ่าง จำนวน 1 ปาก และลูกหอยมีชีวิต จำนวน 5 กก. บริเวณอ่าวปัตตานี เขตชายฝั่ง ตำบลตันหยงสุโละ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ก่อนเข้าแจ้งความดำเนินคดีประชาชนทำประมงผิดกฎหมาย

นายสุชาติฯเผยต่อสื่อมวลชนว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่พร้อมกำลังร่วมได้ตรวจพบกลุ่มเรือประมงกำลังทำการประมงโดยใช้เครื่องมืออวนลากคานถ่าง ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำ ประมาณ 10 ลำ จึงได้นำเรือ วิ่งเข้าไปยังกลุ่มเรือดังกล่าว เพื่อเข้าทำการตรวจสอบ แต่กลุ่มเรือประมงดังกล่าว ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปบริเวณชายฝั่งที่มีระดับน้ำตื้น และเรือประมงลำหนึ่ง ผู้ควบคุมเรือได้ตัดเชื่อกที่ผูกเครื่องมืออวนลากคานถ่างทิ้ง และวิ่งหลบหนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำเรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ไล่ตามไปทันบอกให้ผู้ควบคุมเรือประมงหยุดเรือเพื่อทำการตรวจสอบขอดูใบอนุญาตทำการประมงพานิชย์แต่ผู้ควบคุมเรือไม่ยอม ยังคงวิ่งหลบหนีต่อไป จนกระทั้งเข้าเขตน้ำตื้นเจ้าหน้าที่นำเรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเข้าไปไม่ได้ทำให้ผู้ควบคุมเรือลำดังกล่าวหลบหนีไปได้ และขณะนั้นมีเรือประมงที่หลบหนีในครั้งแรกวิ่งออกมาเพื่อให้ความช่วยเหลือเรือลำดังกล่าว และทยอยออกมาเรื้อยๆ ทั้งจากพื้นที่ตันหยงลูโล่ะ และบ้านดาโต๊ะ อำเภอยะหริ่ง รวมแล้วประมาณ 20 ลำ วิ่งเข้าหาเรือเจ้าหน้าที่ ข้าพเจ้าประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่า หากกลุ่มเรือประมงทั้งหม

เข้ามาปีดล้อมเรือเจ้าหน้าที่ อาจเกิดการกระทบกระทั่ง อาจเหตุการณ์ความรุนแรง และเพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินขอ’ทางราชการ และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ จึงนำเรือถอยออกมาให้พ้นจากการถูกปิดล้อม และตรวจสอบจุดที่ เรือประมงตัดเครืองมือประมงอวนลากคานถ่างทิ้ง ที่ ปรากฎว่าพบเครื่องมือประมงอวนลากคานถ่าง ปากที่ผู้ควบคุมเรือประมงลำดังกล่าวตัดทิ้งแล้วหลบหนีไป จำนวน 1ปาก พร้อมลูกหอยแครง จำนวน 5 กิโลกรัม  

ทำการยึดขึ้นมาไว้บนเรือเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เสร็จแล้วต้องวิ่งเรือออกมาจากพื้นที่เกิดเหตุเนื่องจาก ขณะนั้นกลุ่มเรือประมงทั้งหมดยังคงวิ่งไล่ตามเรือเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง และเมื่อเห็นว่าวิ่งไล่ตามไม่ทันแล้ว สังเกตเห็นว่ากลุ่มเรือประมงได้จอดรวมกลุ่มกันอยู่เป็นกลุ่ม ในขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้โดยตลอด สามารถเห็นเรือ ผู้ควบคุมเรือ ลำที่ตัดเชือกเครื่องมือประมงอวนลากคานถ่างทิ้งแล้วหลบหนี ได้อย่างชัดเจน และตรวจยึดเครื่องมือประมงอวนลากคานถ่าง จำนวน 1 ปาก เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมือง  3 ข้อหา คือ ทำการประมงโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ใช้เครื่องมือประมงพาณิชย์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์จากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ตามมาตรา 37 ใช้เรือไร้สัญชาติทำการประมง ฝ่าฝืนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเครื่องมือทำการประมง วิธีการทำการประมงและพื้นที่ทำการประมง ที่ห้ามใช้ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำเขตทะเลชายฝั่ง 

ชาวประมงกลุ่มนี้ เป็นชาวบ้านในพื้นที่กลุ่มที่ทำผิดซ้ำๆมาตลอดทราบแล้วกลุ่มไหน แม้เขาจะหลบหนีไปได้ ซึ่งพฤติกรรมของชาวบ้านกลุ่มนี้จะซื้อเครื่องมือประมงอวนลากคานถ่างสำหรับหา ลูกหอยขนาดเล็กแล้วจะมีนักธุรกิจจากสุราษฎร์ฯเข้ามาซื้อโดยเฉพาะเพื่อนำไปเลี้ยงต่อซึ่งทำให้เกิดการทำลายลูกหอยขนาดเล็กในพื้นที่ปัตตานีอย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการขันเด็ดขาดตามกฎหมายผู้ที่กระทำความผิด