ทลายวงจรเน็ต แก๊งคอล-เว็บพนัน เครือข่ายใหญ่เขมร วางสายฝังดิน 700 ม.

ทลายวงจรเน็ต แก๊งคอล-เว็บพนัน เครือข่ายใหญ่เขมร วางสายฝังดิน 700 ม.





ad1

ชุดสืบสวนตำรวจสอบสวนกลางจับมือ บช.ภ.2 บุกตรวจค้นอาคารร้างใน จ.สระแก้ว หลังพบขอใช้สายอินเตอร์เน็ตแบบเช่าใช้ความเร็วสูงมากผิดสังเกต ขอหมายศาลตรวจค้น ตะลึงเจอมากถึง 6 วงจร หมายเลขไอพีระบุเปิดให้บริการกว่า 384 หมายเลข ใช้ชื่อผู้ขอใช้บริการอินเตอร์เน็ต 4 ราย แต่มีผู้ชำระค่าบริการคนเดียว แถมลากสายใต้ดินยาวกว่า 700 เมตรข้ามไปใช้ในประเทศเพื่อนบ้าน ขยายผลตรวจค้นบริษัทโทรศัพท์ย่านสายไหม สอบ “นาย ก.” กรรมการบริษัท ผู้มีชื่อขอใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ จ.สระแก้ว สารภาพรับจ้างจาก “นาย ป.” เดือนละ 3 แสนบาท มาเป็นเวลาเกือบ 2ปีแล้ว เร่งขยายผลหาหลักฐานมัด “นาย ป.” ที่คาดว่าจะเป็นหัวโจกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือบ่อนพนันออนไลน์รายใหญ่

ตำรวจสอบสวนกลางจับมือตำรวจภาค 2 บูรณาการหลายหน่วยจับขบวนการลักลอบลากสายอินเตอร์เน็ตข้ามชาติไปประเทศเพื่อนบ้านใช้ก่ออาชญา กรรมทางออนไลน์ เปิดเผยขึ้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 เม.ย. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะ นีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ก. ช่วยราชการ บช.ภ.2 ฐานะโฆษก บช.ภ.2 พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จ.สระแก้ว และ พ.อ.กิตติ ประพิตรไพศาล รอง ผบ.กกล.บูรพา ร่วมอำนวยการ แถลงผลการจับกุมตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตรวจสอบและจับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง

หลังรับนโยบายจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้ดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเห็นผลและเด็ดขาด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 เม.ย. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตำรวจ บช.ภ.2 และตำรวจ บก.ภ.จ.สระแก้ว สนธิกำลังบูรณาการกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. และกองทัพบกโดยกองกำลังบูรพา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี และ ศาลจังหวัดสระแก้ว เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 จุด ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ จ.สระแก้ว

จุดแรกเป็นอาคารสำนักงานขายคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งที่ไม่ได้ก่อสร้าง ลักษณะเป็นอาคารร้างอยู่ในพื้นที่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า สถานที่แห่งนี้มีการใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่น่าจะเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือบ่อนพนันออนไลน์ มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งเป็นผู้ขอใช้บริการติดตั้งอินเตอร์เน็ตในอาคารดังกล่าว เป็นสายอินเตอร์เน็ตแบบเช่าใช้ (leased line) ความเร็วสูง (1000mbps/200mbps) มากกว่าการใช้อินเตอร์เน็ตตามบ้านเรือนทั่วไปอย่างผิดสังเกต

นอกจากนี้ ยังพบว่าลักลอบฝังสายสัญญาณอินเตอร์เน็ตใต้ดิน ลากผ่านที่ดินของบริษัทอสังหา ริมทรัพย์แห่งหนึ่งที่อยู่ด้านหลังอาคารร้างดังกล่าว เป็นระยะทางกว่า 700 เมตร ก่อนข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชา และยังพบอีกว่าขอใช้บริการอินเตอร์เน็ต ความเร็วสูงลักษณะเดียวกันมาติดตั้งยังอาคารดังกล่าวทั้งหมด 6 วงจร ตรวจสอบพบหมายเลขไอพี (IP) ที่เปิดให้บริการกว่า 384 หมายเลข มีชื่อผู้ขอใช้บริการอินเตอร์เน็ต 4 ราย แต่พบว่าผู้ชำระค่าบริการรายเดือนกลับเป็นบุคคลคนเดียวกัน งานนี้ได้รับการสนับสนุนรถขุดดินจากกองกำลังบูรพา เพื่อหาแนววางสายสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ฝังอยู่ใต้ดินลากผ่านไปประเทศกัมพูชา

ระหว่างการตรวจค้นพบว่า สายอินเตอร์เน็ตมีร่องรอยถูกตัด 3 เส้น ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ก่อนเจ้าหน้าที่เข้าค้นอาคารดังกล่าวไม่ถึง 1 ชม. ปรากฏ ภาพชาย 2 คนเข้ามาตัดสายอินเตอร์เน็ตดังกล่าว ติดตามตัวชายทั้ง 2 คนมาสอบถามได้ความว่า รับคำสั่งจาก “นาย ป.” ให้มาตัดสาย

จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่อีกชุดเข้าตรวจสอบบริษัทให้บริการเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. หลังพบว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อขอใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตภายในอาคารร้างที่ จ.สระแก้ว พบ “นาย ก.” กรรมการบริษัท และผู้ชำระค่าบริการอินเตอร์เน็ตภายในอาคารร้าง ตรวจค้นพบเอกสารเกี่ยวกับการเช่าใช้บริการอินเตอร์เน็ตที่อาคารร้าง จ.สระแก้ว และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องรวม 9 รายการ สอบถาม “นาย ก.” รับว่าเป็นผู้ขอใช้อินเตอร์เน็ตและติดตั้งสายสัญญาณ รับว่าจ้างจาก “นาย ป.” เป็นรายเดือน เดือนละ 300,000 บาทเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 67 (1) พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544 ฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือใช้คลื่นความถี่ประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หลังจากนี้จะขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการป้องกันและตัดวงจรการก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การหลอกลวงหรือฉ้อโกง ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากประชาชนมีเบาะแสหรือเดือดร้อน แจ้งข้อมูลได้ที่ www.thaipolice online.go.th หรือสายด่วนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) 1441