ที่ปรึกษา รมว.เกษตร นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการขุด"คลองส้านแด"หวังยุติขัดแย้ง
ที่ปรึกษา รมว.เกษตร ยันนำเสนอข้อมูลประชาชนถึง รมว.เกษตรตรง “คลองส้านแดง” มูลค่า 700 ล้าน ต้องหยุดติขุดลอกสถานเดียว พร้อมออกแบบร่วมกันบริหารจัดการน้ำ
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 เมษายน 2567 ที่มัสยิดบ้านควนอินนะโม หมู่ 7 บ้านควรอินนะโม เทศบาลตำบลเขาหัวช้าง อ.ตะโหมด จ.พัทลุง นายพรศักดิ์ ชุมทอง ประธานสภาน้ำจังหวัดพัทลุง นายทวีศักดิ์ ทักษิณาวาณิชย์ อดีตนายกเทศมตรีเทศบาลตำบลควนเสาธง นายดี้หลี วิจารณ์ ประธานสภาเทศบาลตำบลควนเสาธง นายรอสลี ยาประจัน อุปนายกสมาคมการท่องเที่ยว จ.พัทลุง สมาชิกสภาเทศบาลตำบล ผู้นำศาสนา ผู้ใหญ่บ้าน สภาองค์กรชุมชน ประชาชนพื้นที่ริมคลองส้านแดง ฯลฯ แม่ขรี ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด ฯลฯ ประมาณ 100 คน ร่วมให้การต้อนรับคณะที่ปรึกษา รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางพร้อมด้วยคณะ มาร่วมประชุมรับฟ้งข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่ริมคอลส้านแดง อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ฯลฯ
ทางนายสมาน ขุนทอง อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านควนอินนะโม เทศบาลตำบลเขาหัวช้าง กล่าวว่า คลองส้านแดง มีต้นน้ำเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด โดยโครงการขุดลอกเริ่มต้นเมื่อปี 2548 แต่ประชาชนให้การคัดค้านจึงได้ยุติไป และต่อมาเริ่มโครงการอีกในปี 2557 จะมีโครงการขุดลอกคลองส้านแดงอีก แต่ถูกคัดค้านก็ยุติไป โดยโครงการในระยะแรกใช้งบประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่มาครั้งล่าสุดใช้งบประมาณถึง 700 ล้านบาท
การขุดลอกคลอง จะเป็นการทำลายทรัพยากรณ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติลงอย่างสิ้นเชิง แหล่งน้ำ บ่อน้ำ สระน้ำ จะแห้งหมด ซึ่งประชาชน 7 หมู่บ้านบริเวณคลองส้านแดง จะทำการคัดค้านการขุดลอกคลองส้านแดงทั้งหมดถึง 80 %
“ประชาชนบริเวณคลองส้านแดง ต.แม่ขรี ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง จะมีคำตอบคือการคัดค้าน” นายสมาน กล่าว
นายทวีศักดิ์ ทักษิณาวาณิชย์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลควนเสาธง อ.ตะโหมด กล่าวว่า คลองส้านแดงต้นน้ำคือเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ปลายน้ำคือทะเลสาบสงขลา โดยการขุดลอกคลองส้านแดง จะต้องหาทางออกร่วมกันและต้องร่วมกันออกแบบ
“ส่วนลึกคนบริเวณคลองส้านแดง ไม่ยากให้มีการขุดลอกคลองแต่อย่างใด จึงต้องสื่อสารไปยัง รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คนอย่างท่าน ธรรมนัส เป็นนักการเมืองใจกว้าง เชื่อว่าเข้าใจในวิถี”
นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า จึงเห็นควรยุติในการขุดลอกคลองแล้วควรเอางบประมาณที่มีอยู่แล้ว ไปบริหารจัดการน้ำด้วยการออกแบบวิธการอื่นที่มีอยู่ จะเป็นการที่ดีกว่า
ส่วนนายรอสลี ยาประจัน เครือข่ายสภาน้ำจังหวัดพัทลุง และอุปนายกสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า การขุดลอกคลองส้านแดงจะส่งผลให้น้ำแห้ง บ่อน้ำ สระน้ำ การขุดเจาะบาดาลจะมีผลกระทบ เพราะใต้ดินจะเกิดการขาดแคลนน้ำระบบธรรมชาติ ระบบนิเวศน์จะสูญสลายไปทั้งหมด และจะเป็นการส่วนทางกับนโยบาย จ.พัทลุง ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เป็นจุดขายสำคัญที่สุด คือ เขา ป่า นา เล และเสริมด้วยคลอง
“ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ นักท่องเที่ยวนิยมมาก และจากหลายจังหวัดทางภาคใต้เข้ามาเป็นจำนวนมากจนสร้างรายได้ให้กับ จ.พัทลุง นับหลายร้อยล้านบาท”
ส่วน นายพรศักดิ์ ชุมทอง ประธานสภาน้ำจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า โดยสรุปคือประชาชนในพื้นที่ริมคลองส้านแดง ไม่ต้องให้ขุดลอกคลอง และว่าขณะนี้ได้พบเห็นเป็นประจักษ์พยานแล้วว่าที่เกิดขึ้นกับคลองลายพัน อ.กงหรา จ.พัทลุงเป็นที่ชัดเจน ดังนั้นจึงอยากให้กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ ร่วมกันออกแบบบริหารจัดการน้ำให้เป็นต้นแบบของ จ.พัทลุง
เจ้าของพื้นที่บริเวณริงคลองลายพัน ต.คลองสายขาว อ.กงรา จ.พัทลุง สภาพขุดลอกคลองจากคลองดั่งเดิมได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทรัพยากรณ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม พืช สัตว์น้ำ ถูกทำลายสูญหาย น้ำแห้ง สภาพอากาศร้อนจัด จะมีแต่โคลนตมในคลอง จะส่งผลกระทบ และจะกระทบถึงคนรุ่นๆ ต่อไป
“การคัดค้านขุดลอกคลอง ต้องดำเนินการคัดค้านตั้งแต่ยังไม่ขุดลอกคลองเท่านั้น จึงจะรักษาแหล่งธรรมชาติเอาไว้ได้”
ทางด้าน ผศ.ดร.สิตางศุ์ พิลัยหล้า ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้รับฟังข้อมูลของประชาชนในพื้นที่ ก็จะได้นำเรียนต่อ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยตรง
“การเดินทางมาครั้งนี้ เดินทางมารับฟ้งข้อมูลดูสภาพพื้นที่ด้วยความจริงใจ”
โดย...อัสวิน ภักฆวรรณ
