ชาวไร่ อ.บรบือ วอนรัฐช่วยรับซื้อมันสำปะหลังโดนน้ำท่วม กก.ละ 1.5 บาท ดีกว่าทิ้ง

ชาวไร่ อ.บรบือ วอนรัฐช่วยรับซื้อมันสำปะหลังโดนน้ำท่วม กก.ละ 1.5 บาท ดีกว่าทิ้ง





Image
ad1

เกษตรกรไร่มันสำปะหลัง บ้านโคกล่าม ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม เดือดร้อนหนัก หลังฝนตกมาไม่หยุดจนน้ำท่วมขังในไร่มันสำปะหลัง สร้างความเสียหาย เพราะลานมันไม่รับซื้อ หรือรับซื้อก็กดราคาจนขาดทุน วอนรัฐช่วยหาคนรับซื้อมัน ราคา กก.ละ 1.5 บาทก็ได้ ดีกว่าเอาไปทิ้ง

เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรไร่มันสำปะหลัง บ้านโคกล่าม ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม เดือดร้อนหนัก เร่งเก็บผลผลิตหลังจากฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องตลอด ทำให้เกษตรกรต่างเร่งขุดหัวมันสำปะหลังกันอย่างเร่งรีบ ภายหลังจากที่เมื่อช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีน้ำท่วมขังอยู่ในไร่มันสำปะหลัง สร้างความเสียหายให้กับมันสำปะหลังที่เกษตรกรปลูกไว้เป็นจำนวนมาก พอเก็บเกี่ยวไปขาย ทางด้านลานมันก็ยังไม่รับซื้อ ก็ต้องนำเอากลับมาทิ้งตากแห้งไว้ที่บ้านเพื่อสับให้เป็นอาหารสัตว์

หรือรับซื้อก็ให้ในราคา 1.40-1.60 บาทต่อ กก. ทำให้เกษตรกรขาดทุนกันเป็นจำนวนมาก เพราะว่าราคาที่ได้นี้ ขายมันได้มายังไม่พอค่าแรงที่จ้างแรงงานมาเก็บมันในไร่เลย ไม่ต้องพูดถึงต้นทุนในการปลูก วอนให้ทางรัฐบาลลงมาดูแลราคาและช่วยหาคนมารับซื้อมันให้กับเกษตรกรด้วย ตอนนี้เดือดร้อนกันอย่างหนักทั้งจังหวัดมหาสารคามแล้ว

นางไพรวรรณ์ ขานวงศ์ อายุ 53 ปี เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง เปิดเผยว่า ตนเองได้ลงทุนปลูกมันสำปะหลังเป็นจำนวน 40 ไร่ เนื่องจากที่ผ่านมามันสำปะหลังเป็นที่ต้องการของตลาด และราคาค่อนข้างดี เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักนานหลายวัน ทำให้มีน้ำท่วมขังในแปลงปลูกมันสำปะหลัง จึงจำเป็นต้องเร่งเก็บหัวมันก่อนถึงเวลากำหนด ตนเองจึงเก็บกู้ไปขายประมาณ 14 ไร่ เอาไปขายตามลานมันก็ได้ราคาที่ไม่ดี อยู่ที่ 1.20-1.50 บาท ต่อ กก. ปีที่แล้วได้ 3.5 บาท ทำให้เดือดร้อนอย่างมาก เพราะไปจอดรถรอ พอจะได้ขายลานมันก็ไม่รับซื้อ ต้องนำกลับมาทิ้งไว้ที่บ้าน อย่างของตนเองมีมันสำปะหลังประมาณ 4-5 ตัน ก็ขายได้ราคา 8-9 พันบาท ที่กองไว้รอทำเป็นอาหารสัตว์ ขาดทุนตั้งแต่ราคาแรงจ้างเขามาเก็บกู้แล้ว จ้างไป 25,000 บาท ตอนนี้ขายได้ยังไม่ถึง 2 หมื่นบาทเลย ยังไม่รวมค่าพันธุ์ ค่าไถ ค่าปุ๋ย อยากให้รัฐบาลลงมาช่วยเหลือเกษตรที่ปลูกมันด้วยปีนี้

ด้าน นายจันทา สีคำแซง อายุ 47 ปี กล่าวว่า ชาวบ้านโคกล่ามของตนเองปลูกไว้ประมาณ 12 ไร่ เก็บกู้มาขายไปแล้ว 3 ไร่ เอาไปขายก็ขายได้ไม่มาก เหลือ 2 ตันที่ลานมันเขาไม่รับซื้อ ก็ต้องเอามากองไว้ที่หน้าไร่มันสำปะหลังของตนเอง เดือดร้อนมากปีนี้ ขาดทุน เป็นหนี้เป็นสิน อยากให้ทางราชการเข้ามาช่วยเหลือพวกชาวไร่มันด้วย

ส่วน นางสมหวัง วิชาคำ พร้อมสามี ชาวบ้านโคกล่าม กล่าวว่า ตนเองกับสามีมาเช่าที่ปลูกไร่มัน 13 ไร่ ราคา 13,000 บาท แต่ราคาขายมันปีนี้ได้ราคาละ 1.50 บาทต่อ กก. ต้องขาดทุนตั้งแต่ค่าเช่าแล้ว เพราะตอนนี้เก็บกู้ไปได้ 8 ไร่ ขายได้เงินมาแค่ 8-9 พันบาทเอง แถมขายยากมากด้วย ต้องตระเวนไปตามลานมันที่ต่างๆ ใกล้บ้านเขาก็ไม่รับซื้อ ไม่เคยเจอมาก่อนเลยกับราคามันที่ตกต่ำได้ขนาดนี้ เมื่อปีที่แล้วขายได้ 3 บาท ก็พอมีกำไร ปีนี้คงพูดว่าจะขาดทุนมากขนาดไหน อยากให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยดูแลเกษตรกรไร่มันด้วยในปีนี้ ตั้งแต่ฝนตกหนักมาเก็บกู้มาตลอด 2 สัปดาห์ ไม่เคยเห็นหน่วยงานไหนมาช่วยแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านเลย เกษตรกรเดือดร้อนกันมาก เขารับซื้อเท่าไรเราก็ยอมขาย ไม่ใช่ไม่รับซื้อเลยแบบนี้ เกษตรกรไร่มันคงตายกันในอีกไม่นานนี้.