ผู้นำท้องถิ่นภาคใต้ติวเข้มลงทะเบียนเงินดิจิทัลป้องตกเป็นเหยื่อคอลเซ็นเตอร์


ประชาชนภาคใต้ ชี้ “กระตุ้นเศรษฐกิจล้าช้า” ประเทศชาติประชาชนเสียหายอย่างไรไม่ว่า แต่พรรคเพื่อไทยต้องไม่เสียหน้า “อำเภอ” ระดม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผช.ผู้ใหญ่ พบชาวบ้าน ขี้แจงแอปเข้าทางรัฐ อย่าหลงไปทางเหยื่อ “คอลเซ็นเตอร์”
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกรกฎาคม 2567 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนกรกฎาคม (44.40) ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน (44.60) และเดือนพฤษภาคม (44.90) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวลดลง ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงานรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงินการออมเงิน การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยลบที่สำคัญเกิดจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ตกต่ำ
จากดัชนีความเชื่อมั่นที่ผ่านมา การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยภาพรวมในช่วงไตรมาสที่ 1 อยู่ในช่วงทรงตัว และเริ่มมีการแนวโน้มที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม
และจากผลการสำรวจ พบว่าการเติบโตของธุรกิจจะกระจุกอยู่กับกิจการขนาดใหญ่ ส่วนกิจการขนาดเล็ก ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย รวมถึงผู้ที่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปประสบกับปัญหารายได้ไม่เพียงกับรายจ่าย จนทำให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือนในประเทศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และอาจเป็นเพราะอยู่ในช่วง Low Season”
รายงานยังระบุว่า แต่สาเหตุที่สำคัญ คือทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ดำเนินแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ล่าช้า โดยมุ่งเน้นและรอดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นหลัก จึงทำให้เศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ อีกทั้ง ในขณะนี้ประชาชนก็ยังไม่เห็นว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะมีแผนสำรองใด ๆ ที่จะมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
ในอดีตประชาชนส่วนหนึ่งมีความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย แต่ในปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไปมาก และเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่พรรคเพื่อไทยกลับยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบล่าช้า และยึดมั่นในแนวความคิดของตนเองมากเกินไปโดยไม่ฟังเสียงประชาชนโดยมุ่งเน้นที่จะดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ จนแทบไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้เสมือนว่า
“ประเทศชาติและประชาชนจะเสียหายอย่างไรไม่ว่า แต่พรรคเพื่อไทยเสียหน้าไม่ได้”
รายงงานยังระบุต่อไปว่า ยิ่งเวลาผ่านไป หากยังไม่เร่งแก้ปัญหาย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง เดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ก็ยังอยู่ในช่วง Low Season ในขณะที่โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลจะนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจนั้น คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือนธันวาคม 2567 หรืออาจจะเริ่มใช้ได้ในไตรมาสที่ 1 ของปีพ.ศ. 2568 โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคม 2567 ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเศรษฐา ควรออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วนในการช่วยลดค่าครองชีพ และเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน จนกว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเริ่มใช้ได้จริง
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความกังวล ความคาดหวัง และความต้องการของประชาชน มีดังนี้
1. ร้านค้าขนาดเล็กขาดทุนและปิดกิจการจำนวนมาก เนื่องจากต้นทุนต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่กำลังซื้อของประชาชนมีน้อยลง และการท่องเที่ยวในประเทศก็ลดลงเช่นกัน ทั้งนี้ ภาครัฐควรมีมาตรการเร่งด่วนในการช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ และเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ประชาชน รวมถึงสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ในลักษณะเดียวกันกับโครงการคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น
2. ร้านค้าส่วนหนึ่งเสนอให้ภาครัฐทบทวนและช่วยแก้ไขเงื่อนไขเพื่อให้ร้านค้าที่ขายสินค้า สามารถเบิกเงินสดได้ทันที ซึ่งจะทำให้ร้านค้าสามารถนำเงินสดมาใช้ในการดำเนินงาน และใช้ในครอบครัว อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพนักงาน ค่าเช่า ค่าอาหาร ค่าเล่าเรียนลูก ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ หากร้านค้าขายสินค้าได้ แต่ไม่สามารถเบิกเงินสดได้ทันที ร้านค้าที่ไม่มีเงินทุนสำรองกล่าวว่า ก็อาจจะไม่เข้าร่วมโครงการฯ ในส่วนร้านค้าที่พอมีเงินทุนสำรองกล่าวว่า อาจจะลองเข้าร่วมโครงการฯ ในเดือนแรก แล้วค่อยพิจารณาว่าจะอยู่ต่อหรือออกจากโครงการฯ
3. ประชาชนส่วนหนึ่งวอนให้ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยช่วยพิจารณาปรับเปลี่ยน แก้ไขการใช้เงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ใหม่ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เงินได้อย่างคล่องตัวและสามารถจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่จำเป็นและต้องการได้มากขึ้น
โดยต้องการให้ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยช่วยปลดล็อคให้ประชาชนสามารถใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตได้ทั่วประเทศไทย และสามารถซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสารได้
4. ความกังวลของประชาชนต่อผลการพิจารณาถอดถอนนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ในวันที่ 14 ส.ค. ว่าจะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากนายเศรษฐาถูกให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใครจะมาเป็นนายกคนต่อไป และจะมีผลต่อนโยบายภาครัฐอย่างไร โดยเฉพาะโครงการดิจิทัล วอลเล็ตจะต้องยกเลิกหรือไม่
รายงานได้ระบุถึงผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 35.60 และ 35.30 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 36.80 และ 34.70 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 30.50, 32.80 และ 39.70 ตามลำดับ
ในขณะเดียวกันวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ว่าการอำเภอตะโหมด จ.พัทลุง โดยอำเภอตะโหมด ได้เรียกประชุมกำนัน ผู้ใหญ่ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ทำการประชุมเพื่อความเข้าใจในการทำดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยให้ประชาชนโหลดแอปไทยดี และเพลย์สโตร์ทางโทรศัพท์มือถือ โดยให้โหลดเข้าทางรัฐ โดยอย่าทำการลิงค์ เพื่อว่าอาจจะตกเป็นเหยื่อของบรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยประชาชนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือที่สามารถโหลดแอปได้ ให้รอทางการ รัฐบาล ประกาศอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ได้ดำเนินการทำดิจิทัลวอลเล็ต ได้ครบตามกำหนดแล้วภายหลังวันที่ 15 กันยายน 2567.