"เวช แสนสามารถ"เกษตรกรคนสุดท้ายที่ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือจากในหลวงรัชกาลที่ 9และสมเด็จพระราชินี

โครงการพระราชดำริ

"เวช แสนสามารถ"เกษตรกรคนสุดท้ายที่ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือจากในหลวงรัชกาลที่ 9และสมเด็จพระราชินี





ad1

สัมภาษณ์พิเศษ                                                    โดย..วิชชุดา ทองสุทธิ์

"เวช..แสนสามารถ" เกษตรกรนครพนมคนสุดท้าย ผู้โชคดีที่สุดได้รับพระราชทานความช่วยเหลือจากในหลวงรัชกาลที่9และสมเด็จพระราชินี..เขาตั้งปณิธานแน่วแน่ จะทุ่มเทชีวิตที่เหลืออยู่กับการทำงานด้านหมอสมุนไพรและเผยแพร่โครงการพระราชดำริ พร้อมปฏิบัติตามคำสอนของพ่อหลวงให้ "ดำรงชีวิตแบบพอเพียงและห่างไกลจากอบายมุขทั้งสิ้น"

....หลายวันที่ผ่านมา ผู้เขียนได้รับการทักทายจากเจ้าของf/b ท่านหนึ่งใช้ชื่อว่า "เวช แสนสามารถ" จากข้อความพียง 3-4 บรรทัด
 "สวัสดีครับยินดีที่มีคุณเป็นเพื่อน ผมอยู่จ.นครพนม ทำโครงการสมุนไพรด้านเศรษฐกิจเป็นโครงการพระราชดำริครับ"..เมื่อเห็นคำว่า"โครงการพระราชดำริ" ทำให้ผู้เขียนเกิดความสนใจขึ้นมาฉับพลัน การสนทนาผ่านทาง Inbox จึงเริ่มขึ้น

...จากตัวอักษรพิมพ์ที่ปรากฎชัด "ผมเป็นเกษตรกรคนสุดท้าย..ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9และสมเด็จพระราชินีได้พระราชทานความช่วยเหลือครับ" ทำให้ผู้เขียนต่อโทรศัพท์เพื่อที่จะได้สอบถามเรื่องราวที่กำลังสนใจ!! เมื่อเสียงปลายสายรับและทำการแนะนำตัวกันแล้วจีงเข้าสู่ประเด็นที่เตรียมไว้..จากคำถามไปสูคำตอบและจากคำตอบก็เกิดคำถาม!!..ในโอกาสนี้ ผู้เขียนขอนำคำสัมภาษณ์ของ "เวช แสนสามารถ" ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง มาถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้รับทราบดังนี้....

#ขอทราบประวัติพอสังเขป
สวัสดีครับ กระผมเป็นชาวนครพนมโดยกำเนิด
เกิดในครอบครัวชาวนา
...ด้านการศึกษา จบการศึกษามัธยมปลาย
(ม.6) เมื่ออายุครบ 21 ปี ได้รับการทหารเกณฑ์..โดยถูกส่งไปที่ร.8พัน2 อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น..ระหว่างการฝึก ผมโชคดีได้รับคัดเลือกจากหัวหน้าหน่วย ให้ไปอบรมเกี่ยวกับวิชาการแพทย์ ที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2...ผมได้เรียนรู้ทั้งด้านสุขภาพและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยาต่างๆ
...สามารถนำความรู้มาพัฒนาต่อยอดใช้ประโยชน์ได้...หลังจากรับใช้ชาติครบ 2 ปี ผมก็ได้รับการปลดประจำการ

จากนั้นผมเริ่มหางานทำ จนได้งานที่ถูกใจในตำแหน่งช่างไปป์(ช่างประกอบที่เดินท่อน้ำมันอยู่ภายในโรงกลั่นน้ำมัน)โดยทำงานให้กับบริษัทยูนิไทย(ท่าเรือแหลมฉบัง)..และโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา

#เส้นทางชีวิตพลิกผันสูงสุด
...วันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังปฏิบัติหน้าที่เหมือนเช่นทุกวัน(บ.ไทยออยล์) ญาติที่จ.นครพนม
ได้โทรบอกข่าวร้ายว่า ภรรยาของผมประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์..อาการสาหัสต้องผ่าตัดสมอง...ด้วยเหตุนี้ ผมจึงลาออกจากงานเพื้อมาดูแลภรรยาซึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราในเวลาต่อมา
...ในช่วงเวลา 10 ปี ผมเฝ้าดูแลภรรยา เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น.. ผมต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากไปกับค่ารักษา..จนแทบไม่เหลืออะไร!!!

...แต่เหมือนเทวดามาโปรด ทางจังหวัดนครพนม โดยปลัดอาวุโสในขณะนั้นได้สอบถามเรื่องราวชีวิตชีวิตครอบครัวผม ต่อมาทางจังหวัดได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานความช่วยเหลือจากในหลวงรัชกาลที่ 9 (21เมษายน 59)

"แล้วในวันที่เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็มาถึง..ผมจำได้ดีว่า ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2559 ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง หน้าซอง"ในราชการ สำนักราชเลขาธิการ" บรรทัดต่อมาระบุชื่อ(ภรรยา) "นางวรรณพร แสนสมารถ"..ผมเปิดดูด้วยความปิติ เป็นข้อความแจ้งจากสำนักราชเลขาฯ "ในหลวงทรงโปรดพระราชทานความช่วยเหลือมายังครอบครัวผมแล้ว..นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่สูงสุดในชีวิตผมและครอบครัวครับ"

..กระผมได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักราชเลขาฯไม่นาน ทางเจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาได้เดินทางมาตรวจสอบที่บ้านพัก..ท่านกล่าวว่า "เรื่องของกระผมรวดเร็วมาก พอพระองค์ทรงรับทราบก็ให้ความช่วยเหลือทันที"

...โดยทางสำนักราชเลขาส่วนพระองค์ฯ ได้นำเช็คเงินสดให้ผู้ว่าจังหวัดนครพนมมาทำพิธีมอบให้ที่บ้านของผมในตอนเช้าของวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ซึ่งในช่วงหลังเวลา 15.00 น. มีประกาศจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่า"ในหลวงเสด็จสวรรคต"
...ผมยังจำความรู้สึกในวันนั้นได้ว่า ผมรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต และในเวลาใกล้เคียงกันผมกลับรู้สึกหัวใจสลาย!!

                                       "
..มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะพูดให้ฟังครับ..เกี่ยวกับพระบารมีของในหลวงร. 9 ซึ่งเกิดขึ้นกับผมโดยตรง...ในเช้ามืดของวันที่ 13 ตุลาคม ผมมีอาการเหมือนครึ่งหลับครึ่งตืน..เห็นรถพระที่นั่งคันสีงาเทาเป็นรถเบนซ์ครับ และมีในหลวงรัชกาลที่ 9 มองมาที่สวนบริเวณบ้านของกระผม แต่พระองค์ไม่ได้ตรัสคำใด ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นโบกให้..กระผมเกิดความปลาบปลื้มในใจอย่างหาที่สุดมิได้...และเมื่อผมทราบข่าวสิ้นพระชนม์ของในหลวง ผมจึงหัวใจแตกสลายเหมือนกับประชาชนทั้งประเทศครับ

                                      "

#บ้าน"พระราชทาน"
...หลังจากครอบครัวผมได้รับมอบเงินพระราชทานฯ ทางผู้ว่าจังหวัดและนายอำเภอได้นำเจ้าหน้าที่มาดำเนินการสร้างบ้านหลังใหม่ซึ่งสร้างเสร็จในเวลาอันรวดเร็วครับ
....ภรรยาผมได้อยู่บ้านใหม่เพียง 5 เดือนเธอก็ได้เสียชีวิต จากผมไปเมื่อ6 ปีที่แล้ว

#พระราชทานอาชีพการเกษตร

...นอกจากผมจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณช่วยเหลือครอบครัวแล้ว พ่อหลวงได้ส่งผมไปศึกษาเล่าเรียนวิชาด้านการเกษตรที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานโครงการพระราชดำริสกลนคร ..ผมได้รับความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ...หลังจากผ่านการอบรมที่ศูนย์ฯแล้ว จึงกลับมาเปิดเป็น"ศูนย์เรียนรู้ เพื่อเผยแพร่วิชาการในชุมชนต่อไป"

#นำความรู้มุ่งพัฒนาท้องถิ่น
...ผมเริ่มดำเนินการทำพื้นที่เพื่อปลูกพืชสมุนไพร เป็นพันธุ์พื้นเมืองและเศรษฐกิหลายอย่าง พร้อมทั้งแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ 

...ผมเป็นคนแรกที่ทางศูนย์ศึกษาภูพานสกลนครให้เป็นคนต้นแบบในด้านสมุนไพรและนวัตกรรม ซึ่งยังไม่มีหมอสมุนไพรคนไหนได้รับโอกาสนี้ในเขตภาคอีสานครับ

                                       "                                 

ผมพยายามสืบสานงานของพ่อหลวงเพื่อเผยแพร่ในเขตนครพนมและสกลนคร..ผมจึงทุ่มเทเพลงกายแรงใจทำงานเพื่อพระองค์ท่าน  ตลอดระยะเวลา 7 ปี มีหลายๆหน่วยงานเข้ามาให้กำลังใจ..กระผมก็ไม่ท้อถอยและจะสู้ต่อไปครับเพื่อให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ..ในชีวิตของผมและผมทำเพื่อถวายและเป็นพระเกียรติแก่ท่านในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ซึ่งให้โอกาสแก่ผมครับ

                                         "

#ก่อตั้ง"วิสาหกิจศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน"
  (โครงการพระราชดำรินครพนม)
...ผมก่อตั้งกลุ่มวิสาหกิจศูนย์ภูพานนี้ตั้งแต่ปีพ.ศ 2561จนถึงปัจจุบัน มีผลงานในด้านนวัตกรรมขึ้นมาหลายอย่างและจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากปลูกพืชสมุนไพร.จากนั้นนำมาแปรรูปสมุนไพรออกมาหลายรายการ..ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

#พื้นที่ปลูกสมุนไพรมีอะไรบ้าง?

สำหรับพื้นที่ปลูกแบ่งเป็น 2โซน คือโซนปลูกพืชสมุนไพร-เจียวกู้หลาน-คาวตอง-ฟ้าทะลายโจร และโซนปลูกพืชตระกูลหัว เช่น โสมเกาหลี ว่านชักมดลูก,ขมิ้นชันเขมร,อ้อย,ขิง

ส่วนสินค้าสมุนไพรแปรรูปมีทั้งแบบเครื่องดื่มและแบบชง..ได้แก่ น้ำเก๊กฮวย..น้ำชาเจียวกู้หลาน..โกรธจุฬาลัมพา โดยทั้ง 3 รายการใช้หญ้าหวานทดแทนน้ำตาลเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรล้วนๆ.

#วอนนักลงทุนช่วยกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
...ปัจจุบันโรงงานแปรรูปสมุนไพรได้รับการสนับสนุนจากทางศูนย์ภูพานสกลนคร ในการแปรรูปผลิตสินค้าจำนวนหลายรายการ ทั้งนี้ทางศูนย์ ได้ให้ผมเป็นคนต้นแบบของศูนย์ในด้านสมุนไพรและนวัตกรรม

"หากเป็นไปได้ อยากจะขอความช่วยเหลือจากนักลงทุน ให้ทุนในเรื่องของโรงงานและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ได้ผ่าน อย. เนื่องจากไม่มีทุน...กระผมอยากจะเข้าไปนำเสนอนักลงทุนที่ผมเคยเห็นในโทรทัศน์..ผมคิดว่าโครงการและผลิตภัณฑ์ของผมคงได้รับความสนใจ.. แต่ผมก็ไม่ค่อยจะมีเวลาได้ติดตามรายการโทรทัศน์มากนะคเพราะในแต่ละวันผมทำแต่งานอยู่ในสวนสมุนไพรครับ"

จากคำบอกเล่าของเกษตรกรผู้โชคดี "เวช แสนสามารถ" ในบางช่วงบางตอน ทำให้ผู้เขียนเกิดความรู้สึกเศร้าใจในเบื้องต้นและกลับรู้สึกปลาบปลื้มใจในที่สุด..นับได้ว่าเป็นบุญของเกษตรกรผู้นี้อย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันขอชื่นชมในความตั้งใจจริง ในการทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ด้วยสติสติ-ปัญญา จนทำให้เกิดการต่อยอดการพัฒนางานและผลผลิตอย่างก้าวหน้า ..อย่างไรก็ตามวิสาหกิจศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน..ยังต้องการความช่วยเหลือทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อมาดูแลเรื่องเงินทุนสนับสนุนเพื่อให้งานของเขาเดินไปถึงจุดหมายให้ได้ดังปณิธานที่ตั้งไว่ที่จะทำเพื่อ"เฉลิมพระเกียรติ-ถวายในหลวง

                                 

                                         "

...กระผมได้รับพระราชทานความช่วยเหลือจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและองค์พระราชินีแห่งรัชกาลที่ 9 นับว่าเป็นคนสุดท้ายที่พระองค์พระราชทานความช่วยเหลือ..พระองค์ทรงส่งกระผมไปเรียนเกี่ยวกับวิชาการเกษตรฯ เพื่อมาประกอบอาชีพที่บ้านของตนเอง..ด้วยน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณกระผมพยายามทำงานอย่างทุ่มเทตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาและเผยแพร่ความรู้ด้านสมุนไพรปฏิบัติตามคำสอนของ"พ่อหลวง" โดยห่างไกลจากอบายมุขทุกสิ่ง..ได้ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจากโรคภัยต่างๆ มาขอรับยาสมุนไพรจากสวนสมุนไพรของผม บางครั้งผมก็ไม่ได้คิดเป็นเงินทองกับคนยากจน ตลอดถึงคนที่พิการหรือคนแก่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผมก็จะให้ฟรี...ในแต่ละวันผมพยายามทำงานเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ผู้ซึ่งให้โอกาสและชีวิตใหม่กับผมและครอบ ครัว..ไม่ว่าผมจะไปพูดที่ไหน..ผมก็จะพูดโน้มน้าวใจให้ชาวบ้านที่มาฝึกอบรมได้รู้แนวปฏิบัติตามหลักของพ่อหลวง..ซึ่งพระองค์สอนการดำรงชีวิตแบบพอเพียงและการทำงานของผมทุกอย่าง..ผมจะทำด้วยมือของผมเอง..ผมจะไม่จ้างคนอื่นเพราะท่านพ่อหลวงได้สอนเอาไว้ว่า..งานทุกอย่างจะสำเร็จลงได้ด้วยดีจะต้องทำด้วยตนเองแล้วจะมีความภาคภูมิใจในผลงานที่ตัวเองทำ...

                                         "