อนุทิน บอกไม่มีผู้ป่วยมานอนรอรักษาข้างถนนตามภาพที่ออกมา ตรวจสอบทุกวัน ยันระบบยังรับได้อยู่

อนุทิน บอกไม่มีผู้ป่วยมานอนรอรักษาข้างถนน

อนุทิน บอกไม่มีผู้ป่วยมานอนรอรักษาข้างถนนตามภาพที่ออกมา ตรวจสอบทุกวัน ยันระบบยังรับได้อยู่





ad1

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีปรากฏภาพผู้ป่วยโควิด-19 ออกมานอนรอรับการรักษานอกบ้าน ว่า ยืนยันว่า ไม่มีตามภาพที่ออกมา ตนตรวจสอบกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกวัน และจำนวนเตียงที่มีอยู่ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ ยังมีความพร้อม

เมื่อถามว่าจะปรับระบบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อ ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ปรับแล้ว โดยเรื่องของสิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐบาล เพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ยืนยันว่าไม่ได้ยกเลิกการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แต่รักษาตามสมมติฐานของโรค เช่น ผู้ป่วยโควิดส่วนใหญ่ ที่ไม่แสดงอาการไม่มีอาการรุนแรง หรือผู้ป่วยสีเขียว จะใช้การรักษาแบบรักษาตัวที่บ้าน หรือที่ศูนย์พักคอยชุมนุม ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการสีเหลืองขึ้นไปจนถึงสีแดง คือตั้งแต่ปานกลางถึงรุนแรง สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลภายใต้ระบบยูเซปได้ และสามารถรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนได้โดยไม่มีกำหนดเวลา 72 ชั่วโมง ที่จำแนกประเภทของผู้ป่วย เพื่อให้เตียงมีจำนวนว่างมากที่สุด

ส่วนความชัดเจนการประกาศยกระดับแจ้งเตือนของกระทรวงสาธารณสุข เป็นระดับ 4 นายอนุทินระบุว่า ไม่ใช่ยกระดับ แต่อยู่ระดับนี้มาตั้งนานแล้ว และเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาประกาศลดระดับจาก 5 เหลือ 4 โดยการแจ้งเตือนระดับ 4 เป็นแนวทางสำหรับปฏิบัติ หากสามารถเว้นระยะห่าง ทำงานจากที่บ้าน ลดการสังสรรค์ ก็จะเป็นเรื่องดี เปรียบเหมือนเป็นการเตือนว่าเริ่มมีอาการความดัน แล้วให้ลดอาหารเค็ม แต่ถ้ายังกินต่อ ก็จะออกอาการเป็นโรคไต หรือความดันสูง นำไปสูงการห้ามหรือควบคุมอาหาร

เมื่อถามย้ำว่า เริ่มมีข้อสงสัยว่าอาจจะต้องล็อกดาวน์หรือต้องเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศอื่นทั่วโลก กราฟผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงกว่าประเทศเรา แต่เขาผ่อนคลาย ส่วนเราก็ต้องหาทางที่ดีที่สุด เดินทางสายกลาง ซึ่งเชื้อโอมิครอนติดง่าย หายเร็ว ความรุนแรงของโรคไม่เหมือนสายพันธุ์อื่น

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันพรุ่งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอเพิ่ม หรือปรับมาตรการอย่างไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องมาตรการต่าง ๆ ทางศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้นำเสนอ โดยพิจารณาให้เกิดความสะดวกกับประชาชนทุกคน เป็นการเสนอตามวาระปกติ และอาจจะมีการเสนอเรื่องมาตรการการเข้าประเทศที่ต้องตรวจ RT-PCR ในวันที่ 5 ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ โดยแนวโน้มอาจจะลดการตรวจRT-PCR ในวันที่ 5 เพราะดูแล้วอาจจะไม่เกิดประโยชน์ ขณะที่การควบคุมโรคยังดีอยู่และการติดเชื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ในประเทศไม่ได้มาจากต่างประเทศ.