น่าน - เชียงใหม่ - สุโขทัย เชื่อมความร่วมมือพัฒนาศักยภาพปราชญ์ ศิลปิน และครูภูมิปัญญา เพื่อยกระดับงานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ สร้างอาชีพและรายได้

น่าน - เชียงใหม่ - สุโขทัย  เชื่อมความร่วมมือพัฒนาศักยภาพปราชญ์ ศิลปิน และครูภูมิปัญญา เพื่อยกระดับงานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ สร้างอาชีพและรายได้





ad1

จังหวัดน่าน กำลังขับเคลื่อนและเดินหน้าอย่างเต็มที่ สู่การเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งในภูมิภาคเหนือ มีจังหวัดเชียงใหม่และสุโขทัย ได้เป็นเมืองสร้างสรรค์ในสาขานี้ และเมืองน่าน มีทุนทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีฐานรากของภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่า  โดยเฉพาะงานหัตถกรรม และงานช่างฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นผ้าทอมือ  งานแกะสลักหัวโอ้ หรือหัวเรือพญานาค  งานแกะสลักพระไม้ งานฝีมือเครื่องเงิน  รวมไปถึงงานจักสาน ที่มีอยู่ทุกครัวเรือน งานหัตถกรรมทุกแขนงล้วนอยู่ในวิถีชีวิตของคนน่าน มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

นาย ณัฏฐ์กร เงินวงศ์นัย หรือ อาจารย์มาร์ช    ซึ่งเป็นอาจารย์พิเศษวิทยาลัยชุมชนน่าน รวมทั้งเป็นวิทยากรกระบวนการฝึกอบรมงานหัตถกรรม โดยเฉพาะงานจักสานและดอกไม้สด   ในฐานะผู้รับผิดชอบ "โครงการพัฒนาศักยภาพปราชญ์ ศิลปิน และครูภูมิปัญญา เพื่อยกระดับงานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านเชิงสร้างสรรค์   เชื่อมเครือข่ายเชียงใหม่ สุโขทัย น่าน "   โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษ 6 องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เป็นผู้สนับสนุนการดำเนินโครงการนี้

ซึ่งมีแนวคิดคือ ต้องการให้เกิดเครือข่ายงานหัตถกรรม   เกิดการทำงานแลกเปลี่ยนและเติมเต็มองค์ความรู้   พัฒนางานหัตถกรรมที่เป็นสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน สู่การออกแบบ และผสมผสานวัสดุต่างสาขา เช่น งานจักสาน ผสมผสานกับงานดุนทองดอกไม้ไหว   งานแกะสลักไม้หัวเรือ กับงานปูนปั้น งานเครื่องเงินกับผ้าทอผ้าปัก  เพื่อการฟื้นภูมิความรู้ดั้งเดิมที่เลือนหายไปให้กลับคืนมา และต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์พัฒนาเป็นผลงานร่วมสมัย และชิ้นงานรูปแบบใหม่ โดยใช้การตลาดและความต้องการของกลุ่มลูกค้า เพื่อให้เกิดการสร้างอาชีพและรายได้

อาจารย์มาร์ช     เล่าว่า  " เป็นความชื่นชอบและตั้งใจมาก เพราะเรียนจบด้านวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ผ่านมาทำงานออกแบบสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง  แรงบันดาลใจในการทำงานโครงการเดินหน้ายกระดับปราชญ์ด้านหัตถศิลป์      ด้วยแนวคิด "ใหม่ก็ได้  เก่าก็บ่ล่ะ (เก่าก็ไม่ทิ้ง)"  คือการต่อเติมไอเดียและความคิดสร้างสรรค์จากฐานภูมิความรู้เดิม  และการเชื่อมโยงเครือข่ายงานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ระหว่าง เชียงใหม่  สุโขทัย และ น่าน เป็นการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพผลิตภัณฑ์ ยกระดับงานหัตถกรรมจากฐานเดิม ด้วยการนำวัสดุพื้นถิ่น หรือที่มีรอบตัวหาได้ง่าย ไม่ต้องซื้อมาจากต่างจังหวัด เป็นการลดต้นทุนการผลิต  นำมาออกแบบ

ทั้งหลักของการใช้สี การวางรูปแบบและการวางองค์ประกอบ  นำมาผสมผสานงานหัตถกรรมหลากหลายสาขา เกิดไอเดียใหม่ๆ   ที่สำคัญคือใช้การตลาดนำ  ทำให้เกิดมูลค่าและความต้องการของกลุ่มลูกค้า  ซึ่งจากการดำเนินโครงการพบว่า กลุ่มปราชญ์เมืองน่าน มีการเปิดกว้างและมีความพร้อมที่จะเรียนรู้เพื่อพัฒนา และแลกเปลี่ยนทักษะงานฝีมือ จนสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบใหม่ๆ ได้ เห็นผลลัพธ์คือ ทำแล้วขายได้จริง มีกลุ่มลูกค้าสั่งออร์เดอร์   เมื่อชิ้นงานหรือผลิตภัณฑ์สามารถสร้างรายได้ ก็จะทำให้กลุ่มปราชญ์ กลุ่มผู้ผลิตสินค้าหัตถกรรม ยิ่งพัฒนาและสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ "

สิ่งที่ควรเดินหน้าต่อ คือการสร้างพื้นที่พูดคุยแลกเปลี่ยน สร้างความเข้าใจร่วมกัน มีพื้นที่งานเวิร์คช๊อปมากๆ  เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกัน อนุรักษ์ภูมิปัญญาดั้งเดิม และต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และต้องสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ๆ เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อรับช่วงต่อองค์ความรู้และงานหัตถศิลป์

"การขับเคลื่อนน่านเมืองสร้างสรรค์ มีทั้งความยากและความท้าทาย แต่เห็นถึงความตั้งใจและโอกาสต่อการพัฒนาศักยภาพกลุ่มปราชญ์ภูมิปัญญา และ นักออกแบบรุ่นใหม่ งานหัตถกรรมเมืองน่าน มีสไตล์เฉพาะตัว มีความโดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ความเป็นน่านชัดเจน  ซึ่งควรมีการสร้างสมดุลของเมืองระหว่างการอนุรักษ์และการต่อยอด ต้องไปในทิศทางเดียวกัน สอดคล้องกัน การเปิดพื้นที่ทั้งแบบอนุรักษ์ให้ถึงแก่นแท้ และ  พื้นที่เพื่อการออกแบบให้ร่วมสมัย ทันสมัย  จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่พูดคุยและทำงานร่วมกันให้มาก  งานอนุรักษ์ ก็ต้องเห็นถึงการมีอยู่และคงอยู่ไม่เลือนหาย  งานต่อยอดก็ต้องไม่ทิ้งรากฐานทุนเดิม   ต้องมีพื้นที่สร้างความเข้าใจ การมีส่วนร่วมและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเมืองน่านสร้างสรรค์"

การส่งต่องานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ให้กับเยาวชนเมืองน่าน  เป็นสิ่งจำเป็นต้องให้เกิดเป็นหลักสูตรท้องถิ่นบรรจุเข้าไว้ในการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กๆ และเยาวชนได้เรียนรู้และซึมซับ   สร้างแรงบันดาลใจและการค้นหาศักยภาพงานด้านหัตถกรรม ส่วนเด็กจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ให้เลือกได้ ถ้าชอบก็ยิ่งต้องสนับสนุน แต่ถ้าไม่ชอบอย่างน้อยก็รับรู้และเรียนรู้ถึงภูมิปัญญาในงานด้านนี้   ในฐานะนักวิชาการด้านการศึกษา และผู้พัฒนางานหัตถกรรม ที่มีส่วนขับเคลื่อนเมืองน่าน สู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน มองว่า  ปัจจุบันมีการส่งเสริมให้เกิดแหล่งเรียนรู้และศูนย์เรียนรู้งานด้านหัตถกรรมด้านต่างๆ

โดยมีปราชญ์และครูภูมิปัญญาถ่ายทอด  และ วิทยาลัยชุมชนน่าน ได้พัฒนาเป็นหลักสูตร  นำไปขยายสู่กลุ่มงานจักสาน ที่อำเภอบ่อเกลือ  จังหวัดน่าน   โดยมีใบประกาศนียบัตรรับรองให้  ซึ่งหากในอนาคตสามารถยกระดับขึ้นเป็นสถาบันในระดับอุดมศึกษา ที่มีผู้เชี่ยวชาญมาสอน และมีการต่อยอดผู้เรียนในสาขานี้ได้ จะส่งผลดีต่อการพัฒนางานหัตกรรมและศิลปะพื้นบ้านของจังหวัดน่าน