สาวราชภัฏกาญจนบุรีรับสารภาพ ฆ่าเพื่อนหิ้วทิ้งเหว วางแผนร่วมกับแฟนล้างหนี้

สาวราชภัฏกาญจนบุรีรับสารภาพ ฆ่าเพื่อนหิ้วทิ้งเหว วางแผนร่วมกับแฟนล้างหนี้





ad1

กรณีการหายตัวไปอย่างปริศนาของนางดารัณ หรืออ้อย แพลอย อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี หลังออกจากบ้านไปหาหมอ รพ.พหลพลพยุหเสนา อ.เมืองกาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ญาติไม่สามารถติดต่อได้ก่อนเข้าแจ้งความให้ตำรวจช่วยตามหา หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนนำญาติและเพื่อนมาสอบสวน ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมาชุดสืบสวนนำตัวสาวต้องสงสัยที่ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน พร้อมเพื่อนชายมาสอบสวนหลังพบเบาะแสว่าเป็นคนนัดนางดารัณไปเจอที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง แล้วพาขึ้นรถเก๋งออกไปด้วยกันก่อนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่จากการสอบเค้นเกือบทั้งวันทั้งคู่ยืนกรานว่าไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ต้องปล่อยตัวไป

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.ค.2566 พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี สั่งการให้ตำรวจนำตัว น.ส.วิลาวัณย์ หรือสาว แสงประดับเพชร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1 หมู่ 6 ต.ทุ่งทอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไปชำนาญการ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี และเพื่อนสาวรุ่นน้องของนางดารัณมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งที่ ศปก.ตร.ภ.จ.กาญจนบุรี หลัง น.ส.วิลาวัณย์ ยอมกลับคำให้การรับสารภาพว่า ตนและนายนิติ หรือกอล์ฟ จุลสำราญ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 1 ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อนชายเป็นคนฆ่านางดารัณ ก่อนนำศพไปทิ้งป่าข้างถนนสายท่าสนุ่น-ศรีสวัสดิ์ หมู่ 4 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี หลังสอบปากคำในเบื้องต้นชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี และ ภ.จ.กาญจนบุรี นำกำลังไปคุมตัวนายกอล์ฟได้ที่บ้าน

ด้าน พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สส.ภ.จ.กาญจนบุรี ประสานนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระขอกำลังบูรณาการลงพื้นที่ไปร่วมค้นหาศพนางดารัณตามคำให้การของ น.ส.วิลาวัณย์ มีนายชิงชัย แสนคำ พนักงานหน่วยพิทักษ์ป่าแม่ละมุ่น นายคำนวณ ขำสุวรรณ กำนันตำบลด่านแม่แฉลบ ตำรวจสืบสวนภาค 7 สภ.ศรีสวัสดิ์ และ สภ.ลาดหญ้า ร่วมค้นหา กระทั่งเจอศพหญิงสภาพขึ้นอืดตกลงไปในหน้าผาริมถนนอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ คาดว่าศพดังกล่าวน่าจะเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 5-6 วัน แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบว่าเป็นศพนางดารัณหรือไม่ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์อีกครั้ง

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก. พ.ต.อ.สุรยุทธ์ เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.อ.ปิโยรส กัณหะสิริ ผกก.สภ.ด่านแม่แฉลบ คุมตัวนางวิลาวัณย์ไปชี้จุดนัดนางดารัณไปพบที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี หลังผู้ต้องหารับสารภาพว่าลวงผู้ตายไปฆ่า โดยหลอกว่าจะพาไปพบกับนายทุนเงินกู้คนหนึ่งสามารถปลดหนี้ให้นางดารัณได้ จากนั้นให้ผู้ตายที่ขี่รถ จยย.มาย้ายไป นั่งรถเก๋งออกจากปั๊มน้ำมัน แต่ระหว่างทางผู้ต้องหาอ้างว่าเกิดมีปากเสียงกัน นายกอล์ฟใช้เชือกฆ่ารัดคอขณะอยู่บนรถเก๋งและลากศพทิ้งหน้าผาท้ายอ่างเก็บน้ำท้ายเขื่อนศรีนครินทร์ ห่างจากมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ประมาณ 90 กิโลเมตร

จากนั้นตำรวจคุมตัวนางวิลาวัณย์ไปชี้จุดทิ้งศพที่มีตำรวจ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ และฝ่ายปกครองเฝ้าจุดอยู่ก่อนแล้ว เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่พา น.ส.สาวลงไปชี้ที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงไปตรวจสอบ บริเวณพบศพเป็นทางไหล่เขาหน้าผาสูงชันติดกับอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ จุดพบศพอยู่ลึกลงไปจากไหล่ถนนลงสู่อ่างเก็บน้ำราว 10 เมตร พบศพนางดารัณสวมใส่เสื้อสีชมพูแขนยาว สวมกระโปรงสีดำ ไม่สวมรองเท้า สภาพนอนหงายติดอยู่กับหิน ข้างศพพบรองเท้าคัตชูสีชมพูข้างซ้ายตกอยู่ ส่วนข้างขวาตกอยู่ริมถนนใต้ขอบกั้นข้างถนน ตามร่างกายมีร่องรอยบาดแผล แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากถูกทำร้ายหรือถูกสัตว์กัดแทะ เนื่องจากสภาพศพเน่าอืด เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเก็บกู้ศพประมาณ 1 ชม. โดยมีลูกชายและลูกสะใภ้ผู้ตายเดินทางมาดูศพและยืนยันว่าเป็นนางดารัณจริง เนื่องจากจำเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายได้ตรงกับที่ผู้ตายใส่ก่อนหายตัวไปวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ต่อมาตำรวจคุมตัว น.ส.วิลาวัณย์ และนายนิติ กลับมาสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากต่างคนต่างให้การขัดแย้งกันเองในบางประเด็น โดยมี พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 และ พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 ร่วมสอบปากคำด้วย ก่อนแจ้งข้อหาร่วมกันกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันลอบฝัง เผา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันกระทำใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป, ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมและร่วมกันช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์

ส่วนสาเหตุปมสังหารโหดในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องการซื้อรถยนต์ 3 คน ที่ น.ส.สาว ขอให้นางดารัณ ผู้ตายรุ่นพี่ที่ทำงานและมีความสนิมสนมกันเป็นคนเช่าซื้อมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท แต่หลังจากได้รถมาแล้ว น.ส.สาวเป็นคนนำรถไปขาย กระทั่งบริษัทไฟแนนซ์ติดตามทวงค่างวดกับนางดารัณ ทำให้ผู้ตายไม่สามารถหาเงินไปผ่อนได้ จึงไปตามทวงกับ น.ส.สาวจนนำไปสู่การวางแผนหลอกผู้ตายว่าสามารถพาไปพบกับนายทุนช่วยเคลียร์หนี้รถได้ แต่กลับนำไปฆ่าทิ้งอย่างอำมหิต ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบขยายผลว่ายังมีใครมีส่วนเกี่ยวข้องอีกหรือไม่