ประธานวุฒิสภา ให้การรับรองเอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทยในโอกาสเข้ารับหน้าที่

วุฒิสภา

ประธานวุฒิสภา ให้การรับรองเอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทยในโอกาสเข้ารับหน้าที่





ad1

วันที่ 30 กันยายน 2565 เวลา 12.00 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 204 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้การรับรองนายเฟลิเป เด ลา โมเรนา กาซาโด (H.E. Mr. Felipe de la Morena Casado) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยมีนางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ พลเอก อู้ด เบื้องบน สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-สเปน และนางสาวนภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา ร่วมให้การรับรอง

ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทยและสเปนดำเนินมาอย่างราบรื่นยาวนานตลอด 152 ปี นับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายควรส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้น อาทิ การค้า การลงทุน การเกษตร สาธารณสุข การศึกษา วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว รวมทั้งการเยือนระดับสูง โดยเฉพาะด้านนิติบัญญัติเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น สำหรับความสัมพันธ์ด้านนิติบัญญัติ รัฐสภาไทยได้จัดตั้งกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-สเปน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลประสบการณ์ และความร่วมมือระหว่างรัฐสภาร่วมกัน นอกจากนี้รัฐสภาทั้งสองประเทศยังเป็นสมาชิกของสหภาพรัฐสภาโดยมีการทำงานในประเด็นสำคัญ ๆ เช่น ความมั่นคง ความเท่าเทียมทางเพศ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ สิทธิมนุษยชน การฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้านความร่วมมือในระดับพหุภาคี รัฐสภาไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 30 ภายใต้หัวข้อหลัก “บทบาทของรัฐสภาในการเร่งรัดการพัฒนาที่ยั่งยืนภายหลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” ระหว่างวันที่ 26-29 ตุลาคม 2565 ณ อาคารรัฐสภา กรุงเทพฯ นอกจากนี้ ไทยและสเปนยังมีศักยภาพในการเพิ่มพูนการเจริญเติบโตทางการค้าระหว่างกัน โดยยุทธศาสตร์การปฏิบัติการด้านต่างประเทศ ประจำปี 2564-2567 ของสเปนสอดคล้องกับแบบการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียวของไทยในการค้าและการลงทุนทวิภาคีสำหรับด้านการศึกษาได้มีการริเริ่มสนับสนุนความร่วมมือด้านการทูตสาธารณะและส่งเสริมการเรียนภาษาสเปนในไทย และไทยยินดีมีส่วนร่วมกับยุทธศาสตร์เพื่อความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกของสหภาพยุโรปในการขับเคลื่อนวาระสำคัญในเวทีระหว่างประเทศร่วมกัน ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกอัครราชทูตฯ จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในทุกด้านระหว่างกันต่อไป

ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวพร้อมที่จะสนับสนุนและส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างสเปนกับไทยให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในระดับประชาชนของทั้งสองประเทศในการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรม เนื่องจากจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความร่วมมือในระดับสูงได้ง่ายขึ้น รวมทั้งจะขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว เป็นต้น รวมถึงการพัฒนา BCG Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวร่วมกัน เพื่อนำเศรษฐกิจไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศต่อไป

ที่มา #วุฒิสภา