เอกชนเบตงกระอักส่งออกสินค้าไปมาเลเซียต้นทุนพุ่ง4.5หมื่นบาท/เที่ยว

เอกชนเบตงกระอักส่งออกสินค้าไปมาเลเซียต้นทุนพุ่ง4.5หมื่นบาท/เที่ยว





ad1

ยะลา-ผู้ประกอบการส่งออก “เบตง”  กระอัก ส่งสินค้าลงด่านนอกสะเดา จ.สงขลา ชายแดนไทย มาเลเซีย รัฐเคดาห์ ลงท่าเรือรัฐปินัง  ต้นทุนเพิ่ม 45,000 บาท / เที่ยว เสียหายมูลค่าหลายร้อยล้านในรอบเดือน ร้องรัฐบาล ทางการ ประสานกงสุลไทย มาเลเซีย รัฐบาลมาเลเซีย เร่งดำเนินการ โรงงานอุตสาหกรรมยางพาราไม้ยาง ค้าส่ง ส่งออก นำเข้า อาการหนัก  

เมื่อวันที่ 25 พย. 64 นายกัมปนาท วงศ์ชูวรรณ ผู้จัดการกลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ สถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราส่งออกรายใหญ่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการธุรกิจการค้า  โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ได้รับผลกระทบอย่างหนักที่ไม่สามารถส่งสินค้าออกต่างประเทศ ไปลงยังท่าเรือปินัง รัฐปินังประเทศมาเลเซียได้ และนำสินค้าเข้าจากต่างประเทศ และประเทศมาเลเซียได้ ทางด่านศุลกากรไทยด่านเบตง อ.เบตง จ.ยะลา กับศุลกากรมาเลเซีย รัฐเปรัค เนื่องเกิดน้ำท่วมในประเทศมาเลเซียห่างจากด่านศุลกรกรประมาณ 1 กม. ที่ถนนเกิดความเสียหาย และยังซ่อมแซมไม่แล้วเสร็จ มาตั้งวันที่ 30 ตุลาคม มาจนถึงขณะนี้  (วันที่ 25 พย. 4)  

นายกัมปนาท กล่าวว่า มีทั้งโรงงานอุตสาหกรรมยางพาราน้ำสด น้ำยางข้น ยางแท่งไม้ยางพารา ผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพารา เสื้อผ้า อาหาร ฯลฯ  ส่วนสินค้ามาจากต่างประเทศ และประเทศมาเลเซีย ประเภทสารเคมี น้ำยาอบไม้ยางพารา ฯลฯ ไม่สามารถนำเข้าได้เช่นกัน 

ในที่สุดจึงจำเป็นต้องส่งสินค้าออกจาก อ.เบตง จ.ยะลา ไปยังด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ชายแดนไทย มาเลเซีย กับรัฐเคดาห์  ระยะทางประมาณ 350 กม. และเส้นทางอ.เบตง ที่คดเคี้ยวต่อรถบรรทุกขนส่ง รถหัวลากจูงรถพ่วง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 45,000 บาท / เที่ยว  เป็นต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก  ทั้งนี้เพื่อจะนำสินค้าส่งออกไปยังท่าเรือปินัง ประเทศมาเลเซีย  ตามออร์เดอร์  และก็มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และประเทศมาเลเซีย ทางด่านศุลกากรสะเดาอีกด้วย ค่าขนส่งจึงเพิ่มขึ้นเช่นกัน  

“จะส่งไปลงท่าเรือน้ำลึก จ.สงขลา เรือก็มีไม่พอ”   

โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมไม้ยางพารา น้ำยางสด น้ำยางข้น และยางแท่ง รวมจำนวน 6  โรง และบางแห่งมีคนงานจำนวน 200 คน กำลังประสบปัญหาที่ไม่สามารถส่งสินค้าได้ตามออร์เดอร์ และไม่สามารถนำเข้าอุปกรณ์ประกอบการยางพาราได้ เช่น น้ำยาแอมโมเนีย น้ำยาอบไม้ยางพารา ฯลฯ จากประเทศมาเลเซียได้ 

นายกัมปนาท ยังกล่าวอีกว่า  ขอเรียกร้องไปยังทางการ รัฐบาล ดำเนินการประสานงานไปยังรัฐบาลประเทศมาเลเซีย กงสุลไทย ในมาเลเซีย ช่วยสานงานดำเนินการสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน  

“หากล่าช้า และเกินวันที่ 10 ธันวาคม 2564 จะต้องปิดกิจการไปก่อน ขณะนี้ผู้ประกอบการต่างประสบภาวะขาดทุน และเกิดความเสียหายไปแล้วจำนวนนับร้อยล้านบาทจากการค้าชายแดนไทย มาเลเซีย ผ่านด่านเบตง กว่า 3,000 ล้านบาท/ ปี”  

ด่านเบตง เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ยางพารา ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้แห้ง ผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ในขณะที่สินค้านำเข้าที่สำคัญ เคมีภาพ ไม้แปรรูป ปุ๋ย ผลิตภัณฑ์อาหาร เป็นต้น และ นอกจากนี้ยังมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย.