สุดสะเทือนใจ!ครูสาวเครียดชีวิต-ติดหนี้สินฆ่าลูกชาย 5 ขวบป่วยออทิสติกเสียชีวิต

สงขลา-ครูสาวโรงเรียนชื่อดัง อ.หาดใหญ่ เครียดจัดใช้หมอนกดทับหน้าลูกชายวัย 5 ขวบ ป่วยออทิสติกตายคาเตียง  ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำหวังฆ่าตัวตาย

เมื่อเวลา 10.47 น.วันที่ 8 พ.ย.65 ร.ต.อ.เสรี โชคผ่อง รองสารวัตรสอบสวน สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  ได้รับแจ้งลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ผกก.สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.มาชา แก้วทอง รอง ผกก.(ป.) สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.อดินันท์ วงศ์หมัดทอง สวป.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  แพทย์โรงพยาบาลหาดใหญ่ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีหาดใหญ่

ที่เกิดเหตุคอนโดมีเนียม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาห้องพักหมายเลข 255/1924  ชั้น 19 โดยคนเจ็บทราบชื่อ น.ส.ฐิติรัตน์ คงเกิด อายุ 39 ปี เป็นข้าราชการครูโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทางเจ้าหน้าที่นิติบุคคลของคอนโดมีเนียม แห่งนี้พยายามช่วยชีวิต และเรียกหน่วยกู้ภัยให้มารับนำตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ไปก่อนแล้ว เนื่องจากได้กินน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไป 1 แก้ว อาการเริ่มแย่พูดไม่มีเสียงและมีแผลในปาก

และที่เจ้าหน้าที่ต้องสลดใจ เพราะบนเตียงนอนมีร่างของ ด.ช.ณัฏฐกิตติ์ อายุประมาณ 5 ขวบ นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน สภาพนอนหงายอยู่บนเตียง สวมชุดนอนเสื้อยืดแขนยาว สีเหลือง กางเกงขายาวสีดำ สวมถุงเท้าสีขาว ภายในห้องมีหมอนและผ้านวมวางกองรวมกันอยู่บนพื้น โดยทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ได้เข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานในห้องเกิดเหตุเพื่อดูว่ามีความผิดปกติอย่างอื่นหรือไม่

จากการสอบถามช่างประจำอาคารคอนโดมีเนียม ให้การว่าตอนเกิดเหตุ น.ส.ฐิติรัตน์ ได้ออกมาขอความช่วยเหลืออยู่บริเวณหน้าลิฟท์ หลังจากที่ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไป จึงรีบแจ้งหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยเหลือ และเมื่อเข้าไปดูภายในห้อง ก็พบร่างของลูกชาย นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน ซึ่งลูกชายเป็นป่วยออทิสติก 

ส่วน นส.ฐิติรัตน์ จึงตัดสินใจดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำเพื่อหวังฆ่าตัวตายตามลูกชาย  และแต่จากฤทธิ์ของน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่กินเข้าไปทำให้เจ็บปวดและทรมานจนทนไม่ไหวจึงออกมาขอความช่วยเหลือช่างประจำคอนโดมีเนียม 

ส่วนสาเหตุจากการสอบถามผู้ใกล้ชิดทราบว่า สาเหตุที่ทำให้เครียดจนถึงขั้นฆ่าลูกตัวเองและพยายามกินน้ำยาล้างห้องน้ำเพื่อฆ่าตัวตาย อาจมาจากปัญหาเรื่องการเงินที่กู้จากของโรงเรียน หรืออาจมีปัญหาครอบครัวโดยทั้ง 2 คน แม่ลูกอยู่กันเพียงลำพัง  ส่วนรายละเอียดข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่จะทำสอบสวนญาติอีกครั้ง.