"ดร.วันดี " ซีอีโอ SPCG ร่วมเปิดโครงการ Fukuoka Miyako Mega Solar โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

"ดร.วันดี " ซีอีโอ SPCG ร่วมเปิดโครงการ Fukuoka Miyako Mega Solar โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์





ad1

"ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ" ซีอีโอ SPCG ร่วมพิธีเปิดโครงการ Fukuoka Miyako Mega Solar ประเทศญี่ปุ่นโครงการร่วมลงทุนกับ TESS Holdings มีกำลังการผลิต 67 MW  คาดผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ประมาณ 70 ล้านหน่วยต่อปี และช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประมาณ 70,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” เดินทางร่วมพิธีเปิดโครงการ Fukuoka Miyako Mega Solar ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 67 เมกะวัตต์ (MW) ณ เมือง Miyako จังหวัด Fukuoka ประเทศญี่ปุ่น

ดร.วันดี เปิดเผยว่า โครงการ Fukuoka Miyako Mega Solar ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 67 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็น North Phase 23 เมกะวัตต์ (MW) และ South Phase 44 เมกะวัตต์ (MW) โดยร่วมลงทุนกับ TESS Holdings งบการลงทุนทั้งสิ้น 23,493 ล้านเยน หรือ ประมาณ 7,000 ล้านบาท โดย SPCG ถือหุ้น 10% คิดเป็นเงินจำนวน 314 ล้านเยน หรือประมาณ 91 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการ COD เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ประมาณ 70 ล้านหน่วยต่อปี และช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 ประมาณ 70,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยในโครงการติดตั้งด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของบริษัท Kyocera Corporation จำนวนกว่า 220,000 แผง พื้นที่ติดตั้งเป็นหุบเขาสวยงาม และระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีเชื้อเพลิง ไม่มีเสียงขณะทำงาน

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา SPCG ได้มีโอกาสร่วมลงทุนกับ TESS Holding ในการพัฒนาโครงการ Tottori Yonago Mega Solar Farm ขนาด 30 เมกะวัตต์ (MW) เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561) และในอนาคตมีแผนที่จะร่วมการพัฒนาโครงการ Imari ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า Bio Mass ขนาด 46 เมกะวัตต์ (MW) คาดว่า จะก่อสร้างแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปี 2568)

“ การลงทุนในประเทศญี่ปุ่นจะนำมาซึ่งผลตอบแทนการลงทุนแก่ผู้ถือหุ้นที่ดีในระยะยาว และคาดว่า จะมีการหารือเพื่อร่วมลงทุนในประเทศญี่ปุ่นต่อไป เพื่อตอบสนองและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ในการมุ่งสู่การเป็น Carbon Neutral ในปีพ.ศ. 2593 (2050)”ดร.วันดี กล่าว

สำหรับ การลงทุนก่อนหน้านี้ ธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม SPCG ได้ลงทุนร่วมกับ บริษัท เคียวเซร่า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น (“Kyocera”), Kyudenko Corporation, Tokyo Century Corporation, Furukawa Electric Company Limited, Tsuboi Corporation เพื่อพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์ม “Ukujima Mega Solar Project” ขนาดกำลังการผลิตรวม 480 เมกะวัตต์ ณ เกาะ Ukujima เมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น โครงการดังกล่าว มีขนาดกำลังการผลิตรวม 480 เมกะวัตต์ ใช้งบการลงทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท ได้รับอัตรารับซื้อไฟฟ้า Feed-In tariff (FiT) ที่ 40 เยนต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 17 ปี 3 เดือน โดยจะทำการขายไฟให้แก่บริษัท Kyushu Electric Power Co, Inc. โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทฯ SPCG ถือหุ้นร้อยละ 17.92 หรือคิดเป็นเงินจำนวน 9,000,000,000 เยน คาดว่า จะเริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) และสามารถรับรู้รายได้ในช่วงกลางปี พ.ศ.2566 เป็นต้นไป

โครงการดังกล่าวมีระยะเวลาการก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 - 2566 ทั้งนี้ “Ukujima Mega Solar Project” เป็นระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ควบคู่ไปกับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบผสมผสานร่วมกับการทำเกษตรกรรม โครงการดังกล่าวจึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้าง ในขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยเหลือในการพัฒนาฐานเกษตรกรรมของเกาะ Ukujima อีกทั้งยังสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สู่ชั้นบรรยากาศกว่า 270,000 ตัน/ปี